การดูแลฟันเด็ก การจัดฟันเด็ก ในแต่ละช่วงอายุ ตั้งแต่แรกเกิด ถึง 18 ปี !การดูแลสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงวัยรุ่น เพราะนอกจากจะส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมแล้ว ยังวางรากฐานไปสู่สุขภาพช่องปากที่ดีในอนาคตด้วยครับ การจัดฟันเด็กก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่เข้ามามีบทบาทในบางช่วงวัย เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาและเตรียมพร้อมฟันแท้ให้ขึ้นอย่างเหมาะสม
การดูแลฟันเด็กในแต่ละช่วงอายุ
การดูแลฟันเด็กจะเปลี่ยนไปตามพัฒนาการของฟันและช่องปากในแต่ละวัย:
1. แรกเกิด - 6 เดือน (ก่อนฟันซี่แรกขึ้น)
ช่วงนี้ยังไม่มีฟันขึ้น แต่การดูแลช่องปากเป็นสิ่งสำคัญเพื่อสุขภาพเหงือกที่ดี
การดูแล: ใช้ผ้าก๊อซสะอาดหรือผ้านุ่มชุบน้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว เช็ดทำความสะอาดเหงือก ลิ้น และกระพุ้งแก้มเบา ๆ หลังการให้นม (ทั้งนมแม่และนมผง) เพื่อขจัดคราบนมและแบคทีเรีย
สิ่งที่ควรระวัง: ไม่ควรให้เด็กหลับคาขวดนม เพราะน้ำนมจะค้างอยู่ในปากและเพิ่มความเสี่ยงต่อฟันผุเมื่อฟันขึ้น
2. 6 เดือน - 3 ปี (ฟันน้ำนมเริ่มขึ้น - ขึ้นครบ)
ฟันน้ำนมซี่แรกมักจะขึ้นเมื่ออายุประมาณ 6 เดือน และจะขึ้นครบ 20 ซี่เมื่ออายุประมาณ 2.5 - 3 ปี
การดูแล:
เมื่อฟันซี่แรกขึ้น ให้ใช้แปรงสีฟันสำหรับเด็กเล็กที่มีขนแปรงนุ่มพิเศษและหัวแปรงขนาดเล็ก (เท่าปลายนิ้วก้อย) แปรงฟันให้เด็กวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน
ใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์สำหรับเด็กในปริมาณน้อยมาก (ขนาดเท่าเมล็ดข้าวสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี) เพื่อป้องกันฟันผุ หากเด็กยังบ้วนปากไม่เป็น ไม่ต้องกังวลเรื่องการกลืน เพราะปริมาณฟลูออไรด์น้อยมาก
งดการดูดนมจากขวดเมื่ออายุ 1 ปี หรือไม่ควรเกิน 18 เดือน ควรเปลี่ยนให้เด็กดื่มนมจากแก้วแทน
ไปพบทันตแพทย์ครั้งแรก: ควรพาเด็กไปพบทันตแพทย์เด็กครั้งแรกเมื่อฟันซี่แรกขึ้น หรืออย่างช้าที่สุดไม่เกินอายุ 1 ขวบ เพื่อสร้างความคุ้นเคย และทันตแพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลฟันอย่างถูกวิธี
การจัดฟัน: ยังไม่มีการจัดฟันในวัยนี้ แต่ทันตแพทย์จะเฝ้าระวังความผิดปกติของการสบฟันหรือโครงสร้างกราม
3. 3 - 6 ปี (วัยอนุบาล - ฟันน้ำนมครบชุด)
เป็นวัยที่เด็กเริ่มช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น และเตรียมตัวเข้าสู่การผลัดฟัน
การดูแล:
ให้เด็กแปรงฟันเองโดยมีผู้ปกครองช่วยดูแลและแปรงซ้ำอีกครั้ง ควรใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ในปริมาณที่เหมาะสม (เท่าเมล็ดถั่วเขียวสำหรับเด็กอายุ 3-6 ปี) สอนให้บ้วนปากและบ้วนยาสีฟันทิ้ง
สอนการใช้ไหมขัดฟันในซอกฟันที่ชิดกัน
จำกัดขนมหวานและน้ำอัดลม และให้ดื่มน้ำเปล่าเป็นหลัก
ไปพบทันตแพทย์สม่ำเสมอ: ควรพาไปพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน เพื่อตรวจสุขภาพฟัน เคลือบฟลูออไรด์ และทันตแพทย์อาจพิจารณาเคลือบหลุมร่องฟันในฟันกรามน้ำนมหากมีความเสี่ยงฟันผุสูง
การจัดฟัน:
ยังไม่ถึงวัยที่ต้องจัดฟัน แต่ทันตแพทย์จะเริ่มสังเกตความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ฟันหน้ายื่นมาก, ฟันกัดคร่อม (Underbite) หรือ ฟันสบไขว้ (Crossbite) ซึ่งอาจต้องพิจารณาแก้ไขตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อป้องกันปัญหาที่ซับซ้อนในอนาคต
4. 6 - 12 ปี (วัยประถม - ฟันผสม)
เป็นช่วงวัยสำคัญที่ฟันน้ำนมเริ่มหลุดและฟันแท้เริ่มขึ้น (ฟันแท้ซี่แรกคือฟันกรามซี่ที่ 6 มักขึ้นตอนอายุ 6 ปี)
การดูแล:
เน้นความสำคัญของการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟัน เพราะฟันแท้ที่เพิ่งขึ้นยังอ่อนแอ และเสี่ยงต่อฟันผุสูง
เคลือบหลุมร่องฟัน (Pit and Fissure Sealant): ทันตแพทย์จะพิจารณาเคลือบหลุมร่องฟันกรามแท้ซี่ที่ 6 และ 7 ทันทีที่ขึ้นเต็มซี่ เพื่อป้องกันฟันผุในร่องลึกของฟัน
ดูแลเรื่องอาหารการกิน
ไปพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน
การจัดฟันเด็ก (Orthodontic Phase I หรือ Interceptive Orthodontics):
เป็นช่วงวัยที่สำคัญในการพิจารณา "การจัดฟันแบบบางส่วน" หรือ "การจัดฟันระยะที่ 1"
วัตถุประสงค์: เพื่อแก้ไขปัญหาโครงสร้างกระดูกขากรรไกร หรือปัญหาการสบฟันที่รุนแรงในระยะเริ่มแรก เพื่อให้ฟันแท้ที่จะขึ้นมีพื้นที่เพียงพอและขึ้นในตำแหน่งที่เหมาะสม ลดความซับซ้อนของการจัดฟันในอนาคต
ปัญหาที่พบบ่อย:
ฟันหน้ายื่นมาก: เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุฟันหัก
ฟันกัดคร่อม (Underbite): กรามล่างยื่นกว่ากรามบน อาจต้องใช้เครื่องมือดึงกรามบน หรือยับยั้งกรามล่าง
ฟันสบไขว้ (Crossbite): ฟันบนสบเข้าด้านในของฟันล่าง
ฟันขึ้นไม่เป็นระเบียบเนื่องจากพื้นที่ไม่พอ: อาจใช้เครื่องมือขยายขากรรไกร หรือถอนฟันน้ำนมบางซี่เพื่อเปิดพื้นที่
เครื่องมือ: มักใช้เครื่องมือถอดได้ (Removable Appliances) หรือเครื่องมือติดแน่นบางส่วน (Partial Braces)
5. 12 - 18 ปี (วัยรุ่น - ฟันแท้ขึ้นครบชุด)
ฟันแท้ส่วนใหญ่ขึ้นครบแล้ว (ยกเว้นฟันคุด) เป็นช่วงที่โครงสร้างใบหน้าและขากรรไกรเริ่มคงที่
การดูแล:
แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะเมื่อมีการจัดฟัน
ดูแลเรื่องอาหาร
ตรวจสุขภาพฟันและทำความสะอาดฟันเป็นประจำ
การจัดฟันหลัก (Comprehensive Orthodontics หรือ Phase II Orthodontics):
เมื่อฟันแท้ขึ้นครบแล้ว เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการจัดฟันเพื่อแก้ไขปัญหาการสบฟันที่ไม่เหมาะสม และความผิดปกติของแนวฟัน
วัตถุประสงค์: เพื่อเรียงฟันให้เป็นระเบียบสวยงาม การสบฟันถูกต้อง และได้ผลลัพธ์ที่คงที่ในระยะยาว
เครื่องมือ: มักใช้เครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่น (Braces) ทั้งแบบโลหะ เซรามิก หรือการจัดฟันแบบใส (Invisalign)
กรณีซับซ้อน: หากมีปัญหาโครงสร้างขากรรไกรที่รุนแรงและไม่ได้รับการแก้ไขตั้งแต่เด็ก อาจต้องพิจารณาร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกรในผู้ที่โตเต็มที่แล้ว
ความสำคัญของการพบทันตแพทย์จัดฟันตั้งแต่เด็ก
การพาเด็กไปพบ ทันตแพทย์จัดฟัน (Orthodontist) ตั้งแต่เนิ่นๆ (แนะนำประมาณ 7 ขวบ หรือเมื่อฟันแท้ซี่แรกขึ้น) เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะทันตแพทย์จะสามารถ:
ประเมินพัฒนาการของฟันและกระดูกขากรรไกร: ดูแนวโน้มปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
แก้ไขปัญหาตั้งแต่เริ่มต้น: หากพบความผิดปกติที่อาจรุนแรงในอนาคต เช่น กรามผิดปกติ การสบฟันผิดปกติ ทันตแพทย์สามารถเริ่มการจัดฟันระยะที่ 1 เพื่อป้องกันปัญหาซับซ้อนและลดระยะเวลาการจัดฟันในอนาคต
วางแผนการรักษาที่เหมาะสม: หากยังไม่จำเป็นต้องจัดฟัน ทันตแพทย์จะแจ้งและติดตามผลเป็นระยะ
การดูแลฟันเด็กในแต่ละช่วงวัยและการปรึกษาทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ลูกหลานของคุณมีรอยยิ้มที่สวยงามและสุขภาพช่องปากที่ดีไปตลอดชีวิตครับ