ผู้เขียน หัวข้อ: ลักษณะการเสื่อมสภาพการใช้งานของผ้ากันไฟ  (อ่าน 19 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 897
    • ดูรายละเอียด
ลักษณะการเสื่อมสภาพการใช้งานของผ้ากันไฟ
« เมื่อ: วันที่ 20 มิถุนายน 2025, 21:15:46 น. »
ลักษณะการเสื่อมสภาพการใช้งานของผ้ากันไฟ

ผ้ากันไฟ แม้จะถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อความร้อนและเปลวไฟ แต่ก็มีลักษณะการเสื่อมสภาพจากการใช้งานและปัจจัยภายนอกได้ ซึ่งการสังเกตสัญญาณเหล่านี้จะช่วยให้คุณเปลี่ยนผ้าได้ทันท่วงทีและรักษาระดับความปลอดภัยไว้ได้

ลักษณะการเสื่อมสภาพของการใช้งานผ้ากันไฟ
การเสื่อมสภาพของผ้ากันไฟสามารถสังเกตได้จากหลายลักษณะ ทั้งทางกายภาพและคุณสมบัติที่ลดลง:

การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่มองเห็นได้ชัดเจน:

รอยฉีกขาด รู หรือรอยรั่ว: เป็นสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดและอันตรายที่สุด เพราะหมายถึงความสามารถในการปิดกั้นออกซิเจนและป้องกันความร้อนลดลงอย่างมาก ไม่ว่ารอยจะเล็กแค่ไหนก็ไม่ควรใช้งานต่อ
รอยไหม้ เกรียม หรือจุดด่างดำ: หากผ้าเคยสัมผัสกับความร้อนสูงหรือเปลวไฟโดยตรง แม้จะดับไฟได้แล้ว แต่อาจทิ้งรอยไหม้หรือรอยเกรียมไว้ ซึ่งแสดงว่าโครงสร้างของเส้นใยในบริเวณนั้นเสียหายไปแล้ว
การสึกหรอ (Abrasion): โดยเฉพาะผ้าที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมที่มีการเสียดสีบ่อย เช่น ผ้ากันสะเก็ดไฟที่วางบนพื้นหรือสัมผัสกับเครื่องจักร อาจเกิดการบางลง เป็นขุย หรือเส้นใยหลุดลุ่ย
การแตกร้าว ลอก หรือเปลี่ยนสีของสารเคลือบ: สำหรับผ้าใยแก้วที่เคลือบด้วยซิลิโคน, PU, หรือสารอื่นๆ หากสารเคลือบเริ่มแตก เป็นขุย ลอกออก หรือเปลี่ยนเป็นสีที่ผิดปกติ (เช่น เหลืองขึ้น) แสดงว่าสารเคลือบเสื่อมสภาพ ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณสมบัติกันน้ำ ลดการระคายเคือง และความทนทาน
การเปื่อยยุ่ย หรือความยืดหยุ่นลดลง: เนื้อผ้าอาจรู้สึกเปื่อยยุ่ย หรือแข็งกระด้างกว่าเดิมมากเมื่อสัมผัสและขยับ แสดงว่าเส้นใยภายในเริ่มเสื่อมสภาพ
การเปลี่ยนแปลงของคุณสมบัติที่มองไม่เห็น (แต่สำคัญ):

ประสิทธิภาพการทนไฟลดลง: นี่เป็นผลลัพธ์สุดท้ายของการเสื่อมสภาพ หากผ้าสัมผัสกับความร้อนเกินขีดจำกัดบ่อยครั้ง หรือโดนสารเคมีกัดกร่อน คุณสมบัติการไม่ลามไฟหรือการทนความร้อนจะลดลง แม้ภายนอกอาจดูไม่เสียหายมากนักก็ตาม
การลดลงของความแข็งแรงเชิงกล: แม้ไม่เห็นรอยฉีกขาด แต่เส้นใยภายในอาจอ่อนแอลง ทำให้ความต้านทานต่อแรงดึง การฉีกขาด หรือการทะลุลดลงอย่างมาก
การปนเปื้อน: หากผ้าปนเปื้อนด้วยน้ำมัน จาระบี สารไวไฟ หรือสารเคมีบางชนิด สารเหล่านั้นอาจกลายเป็นเชื้อเพลิง หรือทำปฏิกิริยากับผ้า ทำให้ประสิทธิภาพลดลงอย่างรวดเร็ว

สาเหตุหลักของการเสื่อมสภาพ:
การสัมผัสกับความร้อนสูงเกินขีดจำกัด: การใช้งานผ้าในอุณหภูมิที่สูงเกินกว่าที่ออกแบบมา หรือการสัมผัสกับเปลวไฟ/สะเก็ดไฟร้อนจัดซ้ำๆ จะทำให้เส้นใยและสารเคลือบเสื่อมสภาพ
ความเสียหายทางกายภาพ: การบาด, การฉีกขาด, การเจาะ, การกระแทก, หรือการเสียดสีกับพื้นผิวหรือขอบคม
การปนเปื้อน: น้ำมัน, จาระบี, สารเคมี, กรด, ด่าง ที่ติดอยู่บนผ้า อาจกัดกร่อนทำลายเส้นใยหรือสารเคลือบ
ความชื้นและสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม: การเก็บผ้าในที่ชื้น อาจทำให้เกิดเชื้อรา หรือทำให้เส้นใยบางชนิดเสื่อมสภาพ (เช่น ใยแก้วที่ไวต่อความชื้นบางชนิด)
รังสียูวี (UV Exposure): การตากแดดจัดเป็นเวลานานอาจทำให้สารเคลือบหรือเส้นใยบางชนิดเสื่อมสภาพและเปราะ
การทำความสะอาดที่ไม่ถูกต้อง: การใช้น้ำยาทำความสะอาดที่รุนแรง การซักผิดวิธี หรือการอบที่อุณหภูมิสูงเกินไป อาจทำลายสารเคลือบหรือคุณสมบัติการทนไฟได้ โดยเฉพาะผ้าที่ไม่ได้ทนไฟโดยธรรมชาติ (Inherently Flame-Resistant) แต่ผ่านการบำบัดสารหน่วงไฟ
อายุการใช้งาน: วัสดุทุกชนิดมีอายุการใช้งานของมันเอง แม้จะดูแลดีแค่ไหน เมื่อถึงจุดหนึ่งคุณสมบัติก็จะเสื่อมลงตามธรรมชาติ

ข้อควรปฏิบัติเมื่อพบการเสื่อมสภาพ:

หากพบสัญญาณการเสื่อมสภาพใดๆ ดังกล่าว ควรนำผ้ากันไฟผืนนั้นออกจากบริการและเปลี่ยนใหม่ทันที การพยายามใช้งานผ้าที่เสื่อมสภาพถือเป็นความเสี่ยงอย่างยิ่ง เพราะอาจไม่สามารถปกป้องได้อย่างที่คาดหวังในสถานการณ์ฉุกเฉิน