ผู้เขียน หัวข้อ: โรคความดันโลหิตสูง ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม  (อ่าน 405 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 616
    • ดูรายละเอียด
โรคความดันโลหิตสูง ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม
« เมื่อ: วันที่ 29 ธันวาคม 2023, 14:24:41 น. »
ภาวะความดันโลหิตสูง (Hypertension) คือ การมีความดันโลหิตค่าบนสูงเกินกว่า 140 มม.ปรอท คือ ค่าล่างสูงกว่า 90 มม.ปรอท ซึ่งโรคนี้อาจถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรม แต่เนื่องจากในระยะแรก ภาวะความดันโลหิตสูง จะไม่มีอาการ เมื่อความดันโลหิตสูงอยู่ในระยะเวลานาน 5-10 ปี จะเริ่มมีอาการต่างๆ เกิดขึ้น

ดังนั้น ภาวะความดันโลหิตสูงจะเปรียบได้กลับ “ฆาตกรเงียบ” ที่จะบั่นทอนสุขภาพทีละน้อยโดยไม่รู้ตัว ผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูง จะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคเส้นเลือดในสมองตีบ อัมพาต อัมพฤกษ์ ภาวะไตเสื่อมและโรคหัวใจ สูงกว่าปกติ 3-6 เท่า

ผลเสียของการมีความดันโลหิตสูง

    ผลเสียต่อเส้นเลือดฝอย ทำให้เส้นเลือดฝอยทั่วร่างกายตีบ แตก แข็ง หากเกิดกับเส้นเลือดสมองจะเป็น อัมพาต อัมพฤกษ์ จะเกิดอาการวิงเวียน โดยเฉพาะเมื่อเปลี่ยนท่าทาง หรือลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือเวลาหันศีรษะไปมาอาจรู้สึกว่าบ้านหมุน หน้ามือ อาจปวดศีรษะได้ ถ้าความดันมากกว่า 200 มม.ปรอท อาจง่วงซึมมากผิดปกติ ส่วนใหญ่อาการปวดศีรษะมักเกิดขึ้นเวลาตื่นนอนตอนเช้า
    ผลเสียต่อหัวใจและเส้นเลือดใหญ่ ผู้ป่วยมักมีอาการหายใจไม่เต็มอก เหนื่อยง่าย บางครั้งนอนราบแล้วไอ อาจมีอาการเจ็บหน้าอก อาจมีอาการตลอดเวลา หรือเป็นเฉพาะเวลาที่ทำงานมากก็ได้ นอกจากนี้เส้นเลือดใหญ่บริเวณ ขั้วหัวใจ หน้าอกและท้องจะเกิดความเสื่อม เนื่องจากต้องทนแรงอัด จากความดันโลหิตที่สูงตลอดเวลา อาจเกิดที่เส้นเลือดใหญ่ที่หน้าอกและท้องแตกทำให้เลือดตกใน ซึ่งนำไปสู่ภาวะการเสียชีวิตอย่างกะทันหัน
    ผลเสียต่อไต การมีความดันโลหิตสูงทำให้เส้นเลือดที่ไตเสียหาย หากเป็นความดันโลหิตสูงนานๆ อาจเข้าสู่สภาวะไตวาย ไตเหี่ยวฝ่อเล็กลงและในที่สุดจะเกิดอาการปัสสาวะไม่ออกหรือคลื่นไส้อาเจียน เนื่องจากของเสียไปคั่งในเลือด
    ผลเสียต่อตา ภาวะความดันโลหิตสูงอาจทำให้เส้นเลือดบริเวณจอตาแข็งกรอบและขาดเลือดเลี้ยงบริเวณจอตา ผู้ป่วยอาจมีอาการตามัว ตาพร่า อาจทำให้ตาบอดได้ และอาจทำให้เกิดต้อกระจกได้


ยาลดความดันโลหิต

ยาลดความดันโลหิตมีหลายชนิด ผู้ป่วยแต่ละคนอาจเหมาะสมกับยาต่างชนิด จึงไม่ควรใช้ยาของผู้อื่นโดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อน การทานยาลดความดันโลหิตอาจมีผลข้างเคียง เช่น หน้าแดง ตัวแดง ร้อนวูบวาบ ขาบวม มึนศีรษะหรือง่วงซึม หอบ ไอ หรือมีอาการแข็งตัวของอวัยวะเพศชายผิดปกติ ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์ผู้รักษาเพื่อปรับเปลี่ยนยา เมื่อท่านใช้ยาแล้วเกิดผลข้างเคียงขึ้น เพื่อแพทย์จะเปลี่ยนยาเป็นกลุ่มอื่นแทน

ดังนั้น ผู้ป่วยควรสื่อสารกับแพทย์ เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจขาดเลือด เป็นต้น ควรได้รับการตรวจหาน้ำตาล ระดับไขมันในเส้นเลือด ตรวจเอ็กซเรย์ปอดและหัวใจ ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ตรวจปัสสาวะเป็นระยะ และควรได้รับการควบคุมอย่างเคร่งครัด


การรักษา

    ควรควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติก่อน หากอ้วนต้องลดน้ำหนัก การลดน้ำหนักลง 10 กก. จะลดความดันได้ 6 มม.ปรอท
    ลดความเครียดวิตกกังวล พักผ่อนและออกกำลังกายพอควร
    หากมีอาการความดันโลหิตสูง ควรใช้ยาลดความดันโลหิต การรักษาด้วยยาจำเป็นต้องได้รับยาและได้รับการวัดความโลหิตเป็นระยะเพื่อปรับยา การให้ยาอาจไม่ได้ให้ต่อเนื่องในขนาดเดียวกันไปตลอด อาจต้องเพิ่มหรือลดหรือใช้ยามากกว่า 1 ชนิด ตามดุลยพินิจของแพทย์ ผู้ป่วยที่ได้รับยารักษาจะทำให้ความดันโลหิตกลับมาเป็นปกติได้
    ควรรับยาต่อเนื่อง เพื่อควบคุมความดันโลหิตไม่ให้กำเริบ ผู้ป่วยส่วนหนึ่งเข้าใจว่า เมื่อรับประทานยาจนความดันโลหิตเป็นปกติแล้วหยุดยาได้ การหยุดยาจะทำให้ความดันโลหิตค่อยๆ สูงกลับไปเหมือนเดิมก่อนการรักษา เนื่องจากยาลดความดันโลหิตมีฤทธิ์ไม่ยาว ส่วนใหญ่มีฤทธิ์ไม่เกิน 1 วัน ดังนั้น ต้องทานยาทุกวันเป็นประจำจึงช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อนได้



โรคความดันโลหิตสูง ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/