แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 39
1
Doctor At Home: แนะนำการใช้งานชุดตรวจcovid 19  ATK แบบ Home use ที่ทำเองได้ ไม่ยากอย่างที่คิด

ชุดตรวจ ATK เป็นอุปกรณ์ที่นำมาใช้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพื่อคัดกรองเบื้องต้น โดยแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ ชุดตรวจแบบ Home use ที่ประชาชนสามารถซื้อกลับมาตรวจเองที่บ้านได้อย่างสะดวก และชุดตรวจแบบ Professional Use ซึ่งมักใช้ในสถานพยาบาล ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญหรือเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ตรวจให้เท่านั้น

Doctor at Home จะมาแนะนำการใช้งานชุดตรวจ ATK แบบ Home use ที่ทำเองได้ ไม่ยากอย่างที่คิด โดยการใช้งาน จะแบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้

1. ชุดตรวจ ATK แบบ Swab

การตรวจด้วยการเก็บตัวอย่างเชื้อบริเวณลำคอและหลังโพรงจมูก ก่อนตรวจควรทำความสะอาดมือและพื้นที่ที่ใช้ตรวจให้สะอาด ป้องกันการปนเปื้อน พร้อมตรวจสอบอุปกรณ์ว่าต้องมีครบตามที่ระบุไว้ในคู่มือของชุดตรวจ

การใช้งานชุดตรวจแบบ Swab ต้องเอาก้านไม้สำลีสอดเข้าไปในโพรงจมูก ความลึกของการสอดประมาณ 1 นิ้ว วิธีการใช้งานชุดตรวจอาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของชุดตรวจ ชุดตรวจส่วนใหญ่จะทราบผลภายใน 15-30 นาที

2. ชุดตรวจ ATK แบบน้ำลาย

การตรวจโดยใช้น้ำลาย จำเป็นต้องมีการเตรียมร่างกายด้วยการงดน้ำ งดอาหาร งดสูบบุหรี่หรือเคี้ยวหมากฝรั่ง งดแปรงฟัน และงดการใช้น้ำยาบ้วนปากฆ่าเชื้อเป็นเวลา 30 นาทีขึ้นไป

การใช้งานชุดตรวจแบบน้ำลายผู้ตรวจจะต้องบ้วนน้ำลายด้วยการกระแอมจากลำคอขึ้นมา และบ้วนลงไปในหลอดเก็บตัวอย่างน้ำลายในปริมาณที่กำหนด จากนั้นทำตามขั้นตอนที่ระบุไว้ในคู่มือของชุดตรวจ ส่วนใหญ่ใช้เวลาประมาณ 10-20 นาที จึงจะทราบผล

การใช้ชุดตรวจแบบน้ำลายนั้น ดูจะใช้งานง่ายกว่าชุดตรวจแบบ Swab แต่ก็มีข้อจำกัดในการใช้งาน เพราะจะต้องงดน้ำ งดอาหาร ฯลฯ ก่อนตรวจ 30 นาทีขึ้นไป ไม่เช่นนั้นผลตรวจอาจผิดพลาดได้

การอ่านผลตรวจ

    ผลลบ (Negative) : แถบสีปรากฏเฉพาะตำแหน่ง C เพียงขีดเดียว แสดงว่าไม่มีเชื้อ
    ผลบวก (Positive) : แถบสีปรากฏทั้งตำแหน่ง C และ T รวมเป็น 2 ขีด แสดงว่ามีเชื้อ
    หากไม่ปรากฏขีดใด ๆ ต้องทำการทดสอบใหม่

     ข้อควรระวังในการใช้

    ชุดตรวจ ATK ต้องได้รับการลงทะเบียนจาก อย. (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา)
    ควรตรวจสอบวันหมดอายุของชุดตรวจ
    การอ่านผลตรวจที่เร็วหรือช้าเกินไป อาจเกิดความผิดพลาดได้ จึงต้องอ่านผลตามเวลาที่ระบุในคู่มือของชุดตรวจ
    หากน้ำยาสกัดเชื้อโดนผิวหนัง หรือเข้าตาให้ล้างทันทีด้วยน้ำสะอาดปริมาณมาก

ความแม่นยำของชุดตรวจ ATK แต่ละประเภท

ชุดตรวจแบบ Home use ทั้งแบบ Swab และแบบน้ำลาย มีความแม่นยำในระดับเบื้องต้นเท่านั้น หากไม่พบเชื้อแต่เป็นกลุ่มเสี่ยงควรทำการตรวจซ้ำหลังจากตรวจครั้งแรกไปแล้ว 3-5 วัน ผู้ที่มีความเสี่ยงมากควรตรวจด้วย RT-PCR ซ้ำ เพื่อยืนยันผลที่แน่นอน ความแม่นยำจากการตรวจด้วยชุดตรวจ ATK ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย คือ

    ตรวจในเวลาที่เร็วเกินไป เช่น อาจติดเชื้อก่อนตรวจเพียงแค่ 1 วัน ทำให้เชื้อยังไม่เพิ่มจำนวน และตรวจไม่พบ
    เชื้อมีปริมาณน้อย ทั้งก่อนและหลังติดเชื้อ เช่น ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ หรือติดเชื้อจนร่างกายกำจัดเชื้อออกไปมากแล้ว ทำให้ตรวจไม่เจอ แต่เชื้อนี้สามารถติดต่อคนใกล้ตัวได้

วิธีทิ้งชุดตรวจ ATK ที่ใช้งานแล้ว

ชุดตรวจ ATK นับเป็นขยะติดเชื้อ มีวิธีการทิ้ง ดังนี้

     ฆ่าเชื้อก่อนทิ้ง ด้วยการนำชุดตรวจที่ใช้แล้วใส่ลงในถุง จากนั้นฉีดหรือราดแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้น 70% หรือน้ำยาฟอกขาว (โซเดียมไฮโปคลอไรท์) ความเข้มข้น 6% ผสมน้ำ (สัดส่วนการผสมสำหรับ 1 ลิตร นำน้ำยาฟอกขาว 1 ฝา (10 มล.) ใส่ในขวดเปล่าขนาด 1 ลิตร จากนั้นเติมน้ำจนเต็มขวด)   
    ปิดปากถุงให้แน่น ฉีดพ่นบริเวณปากถุงด้วยสารฆ่าเชื้อแล้วนำไปใส่ในถุงขยะอีกใบ พร้อมปิดปากถุงให้สนิทเช่นกัน
    ถุงที่ใช้ทิ้งควรเป็น "ถุงสีแดง" หากไม่มีให้ใส่ถุงพลาสติก 2 ชั้น พร้อมเขียนข้อความ “ขยะติดเชื้อ” หรือ “ชุดตรวจโควิด” ให้เห็นชัดเจน
    ฉีดพ่นด้วยแอลกอฮอล์บริเวณปากถุงอีกครั้ง เมื่อจัดการขยะติดเชื้อแล้ว ต้องล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ทันที

การตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจ ATK เป็นทางเลือกหนึ่งในการตรวจหาเชื้อที่สะดวก รวดเร็ว แม้จะยืนยันผลไม่ได้ 100% แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันการแพร่ระบาด เพราะยิ่งรู้เร็ว ยิ่งเซฟชีวิต เซฟคนรอบข้าง จากโควิด-19 ได้

2
วิธีทำบุญให้เทวดาประจำตัว VS เจ้ากรรมนายเวร

วิธีทำบุญให้เทวดาประจำตัว วิธีทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวร ต้องใช้บทสวดใด และต้องแผ่เมตตาอย่างไรบ้าง เพื่ออุทิศส่วนกุศล และเพื่อให้เกิดสิ่งดีๆ แก่ตัวเรา

ทำบุญให้เทวดาประจำตัว

วิธีทำบุญให้เทวดาประจำตัว

อิทัง สัพพะ เทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เทวา

ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวง จงมีความสุข

วิธีทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวร

อิทัง สัพพะ เวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เวรี

ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง จงมีความสุข

การทำทาน

มีน้ำใจให้คน สัตว์ อภัยทาน นับเป็นทานทั้งหมด

การรักษาศีล

การไม่เบียดเบียนผู้อื่น และตนเอง อย่างน้อยต้องศีล 5 ถ้าผิดศีลก็เริ่มใหม่ ไม่ต้องรู้สึกลำบากที่จะทำ

วิธีทำบุญลดเคราะห์กรรม พลิกชีวิตติดหนี้เป็นมีเงินพอกพูน

บางครั้งที่รู้สึกว่าชีวิตติดขัด เกิดความยากลำบาก มีอุปสรรคเข้ามาทำให้เรารู้สึกเหนื่อย ท้อแท้ ทำอะไรก็ประสบผลงอกเงย การทำบุญลดเคราะห์กรรมก็เป็นความเชื่ออีกวิธีหนึ่ง เชื่อที่ว่าจะช่วยแก้ดวงได้ ขอแนะนำวิธีทำบุญลดเคราะห์กรรม พลิกชีวิตที่ติดหนี้ เป็นมีเงินพอกพูน ด้วย 5 วิธี ดังนี้

    ทำบุญปล่อยนก ปล่อยปลา
    ทำบุญเกี่ยวกับมูลนิธิสัตว์ หรือให้อาหารสัตว์เร่ร่อน
    ทำบุญแก่คนยากไร้ หรือผู้ด้อยโอกาส
    ทำบุญสร้างสาธารณะประโยชน์
    ทำบุญบริจาคทานกับมูลนิธิสถานสงเคราะห์และวัดวาอารามต่าง ๆ
    ทำบุญตักบาตรถวายสังฆทาน

3
ภาวะแทรกซ้อน จากการจัดฟันเด็ก

การจัดฟันในเด็ก ถือเป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากในปัจจุบันนี้ เด็กไทยเป็นจำนวนมาก มีอาการฟันผุ เนื่องจากการรับประทานอาหารและการไม่ทำความสะอาดช่องปากและฟัน รวมไปถึงพ่อแม่ผู้ปกครองอาจจะไม่มีเวลาในการแนะนำหรือสอนเด็กเกี่ยวกับวิธีการแปรงฟันอย่างถูกต้อง ดังนั้น เด็กไทยจึงเกิดฟันผุมาก ซึ่งบางคนอาจจะร้ายแรงถึงขั้นสูญเสียฟันไปเลยทีเดียว เมื่อเด็กสูญเสียฟันไป ก็ส่งผลทำให้เกิดปัญหาฟันอื่นๆตามมามากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเกิดปัญหาฟันห่าง ฟันล้ม ซึ่งส่งผลทำให้เด็กไม่มั่นใจในบุคลิกภาพของตัวเอง ทำให้รับประทานอาหารได้ลำบาก จนอาจจะส่งผลทำให้เกิดปัญหาร่างกายได้ เพราะเมื่อเด็กรับประทานอาหารได้ลำบาก อาจจะทำให้เด็กเกิดอาการเบื่ออาหารได้ ทำให้เกิดโรคขาดสารอาหารได้

ดังนั้น สุขภาพช่องปากและฟัน จึงมีคความสัมพันธ์กับสุขภาพร่างกายโดยรวมของเด็ก จึงเป้นสาเหตุที่ว่า เด็กควรที่จะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี แต่การแก้ไขปัญหาฟันสำหรับเด็กที่มีฟันผุ และเกิดการสูญเสียฟัน แน่นอนว่า การเข้ารับการจัดฟันในเด็ก จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่าวตรงจุด แต่ไม่ว่าจะอะไรก็ตามแต่ มักจะมีข้อดีและข้อเสียเหมือนกัน การเข้ารับการจัดฟันในเด็กก็เช่นเดียวกัน ก็มีข้อเสียเหมือน ซึ่งอาจจะทำให้เด็กเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ดังนั้น วันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงภาวะแทรกซ้อนของการจัดฟฟันในเด็ก ที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับเด็ก แต่ถ้าหากพ่อแม่ผู้ปกครองใส่ใจในเรื่องของสุขภพช่องปากและฟันและทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์ ก็จะช่วยลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้

สำหรับภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้น ในเด็กที่เข้ารับการจัดฟัน อย่างแรกเลยก็คือ การเกิดฟันผุ โรคเหงือก ถ้ากรณีที่เด็กรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลมากเกินไป และไม่ทำความสะอาดฟันอย่างถูกวิธีและอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งปัญหานี้ก็เกิดขึ้นได้ตามปกติแม้จะไม่ได้รับการจัดฟัน แต่การจัดฟันก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคดังกล่าวได้มากขึ้นนั่นเอง ต่อมาก็คือ ปัญหาการเคลื่อนฟัน อาจมีผลต่อสุขภาพของกระดูกและเหงือกที่รองรับฟันอยู่

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่มีรอยโรคเดิมอยู่แล้ว ในเด็กที่มีการเรียงตัวของฟันที่ผิดปกติ การจัดฟันจะช่วยลดการสูญเสียฟัน หรือการเกิดเหงือกอักเสบได้ ส่วนการเกิดเหงือกอักเสบหรือการเกิดการละลายตัวของกระดูกเบ้าฟัน จะเกิดได้ในกรณีที่เด็กไม่สามารถทำความสะอาดฟันเพื่อกำจัดคราบจุลินทรีย์ ออกจากฟันได้หมด ต่อมาก็คือปัญหาที่มักพบได้บ่อยเลยก็คือ การใช้เครื่องมือทางทันตกรรมจัดฟัน อาจทำให้เกิดแผลในช่องปาก หรือเกิดการกระทบกระแทกต่อฟันได้บ้าง ส่วนการสึกของฟันที่ผิดปกติอาจเกิดขึ้นเองได้ถ้าเด็กมีการบดเคี้ยวที่รุนแรงกว่าปกติ และอีกหนึ่งภาวะแทรกซ้อนก็คือ  เครื่องมือจัดฟันอาจหลุด และคนไข้อาจกลืนลงไปด้วยความบังเอิญ

ซึ่งควรที่จะระมัดระวัง ยิ่งในเด็ก พ่อแม่ต้องคอยระวังให้มากเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันอันตราย ทั้งหมดนี้คือภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นกับเด็กที่เข้ารับการจัดฟัน ทางที่ดีควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของทันตแพทย์จะดีที่สุด อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องคอยสังเกตอาการของเด็ก ระหว่างอยู่ในช่วงการจัดฟันด้วย เพราะถือว่าเป้นเรื่องที่ดี เพราะถ้าหากเด็กมีปัญหา ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง หรือควรพามาพบทันตแพทย์เพื่อรับการแก้ไขได้ทันที

 หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด อยากให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถพาเด็กมาพบกับทันตแพทย์จัดฟันได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่ยินดีให้คำปรึกษาและให้คำแนะนำได้อย่างถูกต้อง โดยยึดหลักการและปัญหาฟันของเด็ก เป็นที่ตั้ง เพื่อที่จะได้รับการแก้ไขปัญหาที่ดีและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ทันตแพทย์ของเรายังมีความเชี่ยวชาญด้านทันนตกรรมในเด็ก จึงสามารถให้คำปรึกษาได้อย่างตรงจุด เพราะเราอยากให้เด็กๆทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรง สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

4
ชุดปฏิบัติธรรม ชุดแม่ชี เราเป็น โรงงานผลิตโดยตรง
ตัดเย็บปราณีต ทรงสวย เรียบหรู ดูสง่างดงาม
ผลิตจาก ผ้าฝ้ายแท้ 100% เกรดพรีเมียม

ชุดปฏิบัติธรรม ชุดขาวไปวัด ชุดแม่ชี
– ราคาแยกรายชิ้น –
ทอย้อมจากโรงงานอุตสาหกรรมชั้นดี
พร้อมส่งทุกไซส์
(กรณีสั่งตัดไซส์พิเศษ รอผลิต 7-10 วัน)
จัดส่งฟรี‼ เมื่อลูกค้าโอนชำระ
มีบริการเก็บเงินปลายทาง (+ตัวละ 10.-)

รับตัดชุดขาวไซส์ใหญ่พิเศษ
หมดกังวล หาไซส์ไม่ได้ ทางร้านเป็นโรงงานผลิตโดยตรง
สามารถสั่งตัดชุดได้ตามความต้องการ รอผลิต 7-10 วันทำการ

ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ

สัมผัสประสบการณ์ใหม่
จากผ้าฝ้ายแท้ 100%
 นุ่มสบาย ไม่ร้อน ไม่ระคายคือง
ใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การคัดสรรเนื้อผ้า
การตัดเย็บ รวมไปถึงการจัดส่งแบบปกติ
และจัดส่งเร่งด่วน (Kerry EMS Grab)

ชุดขาวปฎิบัติธรรม ชุดขาวหญิง ชุดแม่ชี คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด

ชุดปฎิบัติธรรมชาย คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด


ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ


5
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


6
ขายรถราคาพิเศษ Volvo EX30 Ultra Twin Motor Performance ราคาพิเศษ

วอลโว่ Volvo EX30 Ultra Twin Motor Performance ปี 2023
Volvo EX30 CORE Ultra Twin Motor Performance รถพรีเมี่ยม SUV ขนาดเล็กที่สร้างคาร์บอนฟุตพรินท์ (carbon footprint) น้อยที่สุดที่เคยมีมา ผ่านเทคโนโลยีและดีไซน์การออกแบบสไตล์สแกนดิเนเวียนเพื่อมอบความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และความเพลิดเพลินในการขับขี่ที่มากขึ้นแก่ผู้ใช้งานวอลโว่ ขับเคลื่อนโดยมอเตอร์ไฟฟฟ้าและแบตเตอรี่ NMC ให้พลังการขับเคลื่อนสูงสุด 428 แรงม้า จึงให้อัตราเร่งจาก 0 - 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 3.6 วินาที ทำให้ Volvo EX30 มีอัตราการเร่งเร็วที่สุดในรถวอลโว่ที่เคยมีมา นอกจากนี้ยังรองรับกำลังการชาร์จได้ที่ 153kW จึงใช้เวลาการชาร์จจาก 10 - 80% ในเวลาราว 25 นาที

โปรโมชั่นพิเศษ  ตั้งแต่ 13 ก.ย. - 31 ต.ค. 2567
ฟรีประกันภัยชั้น 1 + กล้อง DVR + MW
ราคาพิเศษ 1,690,000.-

สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์                   Volvo
   รุ่น                       วอลโว่ Volvo EX30 Ultra Twin Motor Performance ปี 2023
   ประเภทรถ              รถอเนกประสงค์ SUV, Electric - EV
   ปีที่เปิดตัว               2023

ดีไซน์
   ภายนอก
ระบบควบคุมระยะการจอด (ด้วยเซ็นเซอร์ด้านหน้า-หลัง)
ไฟหน้า LED (พร้อมระบบปรับระดับไฟสูง-ต่ำ อัตโนมัติ)
หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ
ขนาดยางหน้า-หลัง (245/45 R19)
ไฟ Daytime Running Lights
ล้ออัลลอย (19 นิ้ว)

   ภายใน
พวงมาลัยหุ้มหนัง
พวงมาลัยปรับสูง-ต่ำได้
กระจกมองหลังตัดแสง (อัตโนมัติ)

สเปค
   มอเตอร์ไฟฟ้า
Twin Motor Performance ให้กำลัง 156+272 (428) แรงม้า และแรงบิด 200+343 (543) นิวตันเมตร โดยมีอัตราเร่งจาก 0-100 กม.//ชม. ใน 3.6 วินาที  ทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 180 กม./ชม. พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ion Nickel rich NMC

   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)      แรงม้า
   ระบบเกียร์                        เกียร์อัตโนมัติ
   รูปแบบเกียร์                     Single speed transmission
   ระบบเบรค ABS                 มี (พร้อมระบบกระจายแรงเบรค EBD และระบบช่วยเบรคฉุกเฉิน EBA)
   ชนิดแบตเตอรี่                  ไฟฟ้า
   ความจุแบตเตอรี่                69 kWh
   ระยะทางวิ่ง/การชาร์จ 1 ครั้ง  520
   น้ำหนักตัวรถ                      -
   ประเภทยางรถยนต์               -
   ขนาดล้อ (นิ้ว)                 ล้ออัลลอย (19 นิ้ว)
   ระบบขับเคลื่อน                 ขับเคลื่อนสี่ล้อ

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย
ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ
ตัวถังนิรภัย
ดิสก์เบรก 4 ล้อ
เซ็นทรัลล็อค
กุญแจรีโมท (แบบดิจิตอลพลัส/NFC สมาร์การ์ด)
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ (ด้วยเซ็นเซอร์ตรวจจับรถยนต์ คนเดินถนน และ ผู้ขับขี่จักรยาน พร้อมฟังก์ชั่นหยุดรถ,ระบบป้องกันการชนและบรรเทาอาการบาดเจ็บพร้อมฟังก์ชั่นหยุดรถอัตโนมัติ-ด้านหน้า ด้านข้าง บริเวณทางแยก)
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ (ระบบแจ้งเตือนเพื่อตรวจจับการจราจรที่ตัดผ่านขณะออกจากที่จอดพร้อมฟังก์ชั่นหยุดรถอัตโนมัติด้านหน้า-ด้านหลัง)
เข็มขัดนิรภัย
พวงมาลัยยุบตัวได้
คานเหล็กเสริมนิรภัย
ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (ขึ้น-ลง)
อื่นๆ (ระบบแจ้งเตือนเมื่อมีการจราจรผ่านมาด้านข้างขณะเปิดประตู,ระบบแจ้งเตือนด้วยการสั่นที่พวงมาลัยเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ,ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน)
ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Park Pilot Assist)
กล้อง (ช่วยในการจอดพร้อมแสดงผลด้วยภาพ 360 องศา)


7
หมอประจำบ้าน: ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน (Acute pancreatitis)

ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน

ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน เป็นโรคที่พบได้ปีละประมาณ 13-45 คน ต่อประชากร 100,000 คน  นับเป็นโรคที่ต้องเข้าพักรักษาในโรงพยาบาลที่พบบ่อยโรคหนึ่ง เนื่องจากเป็นภาวะร้ายแรงและมีอัตราตายค่อนข้างสูง

พบได้ในคนทุกวัย แต่จะพบได้บ่อยขึ้นตามอายุที่มากขึ้น พบบ่อยในผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์จัด ผู้ที่สูบบุหรี่ ผู้ที่มีภาวะอ้วน เป็นเบาหวาน และผู้ที่มีประวัติว่ามีคนในครอบครัวเป็นโรคนี้

สาเหตุ

การอักเสบมักเป็นผลมาจากการ "รั่ว" ของน้ำย่อย (เอนไซม์) ของตับอ่อนเองออกมาทำให้เนื้อเยื่อของตับอ่อนเกิดการอักเสบ ซึ่งอาจทำให้เนื้อเยื่อตับอ่อนบางส่วนเสียหาย เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมาได้

สาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่ การเป็นนิ่วน้ำดี (ที่อุดกั้นทางเดินน้ำดี) การดื่มสุราจัด และภาวะไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงแบบรุนแรง (มีระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด มากกว่า 1,000 มก.ต่อ 100 มล.)

ส่วนน้อยอาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น การติดเชื้อ (เช่น คางทูม อีสุกอีใส เริม ตับอักเสบจากไวรัสบี เอชไอวี โรคพยาธิไส้เดือน เป็นต้น) การได้รับบาดเจ็บที่ช่องท้อง การผ่าตัดช่องท้อง การส่องกล้องท่อน้ำดี (ERCP) การใช้ยาบางชนิด (เช่น สเตียรอยด์ เอสโทรเจน เตตราไซคลีน กลุ่มยาซัลฟา ยาขับปัสสาวะประเภทไทอาไซด์ ยาลดความดันโลหิต-กลุ่มยาต้านเอซ) การสูบบุหรี่ รังสีบำบัด มะเร็งตับอ่อน ซิสติกไฟโบรซิส (cystic fibrosis) เป็นต้น

นอกจากนี้ อาจเกิดร่วมกับภาวะแคลเซียมในเลือดสูงเนื่องจากต่อมพาราไทรอยด์ทำงานเกิน (hyperparathyroidism) หรืออาจเกิดจากปฏิกิริยาภูมิต้านตัวเอง เกิดตับอ่อนอักเสบ (autoimmune pancreatitis) ร่วมกับโรคอื่น ๆ เช่น โรคปวดข้อรูมาตอยด์ ภาวะขาดพาราไทรอยด์ (hypoparathyroidism) เป็นต้น

บางรายอาจไม่พบสาเหตุที่แน่ชัด

อาการ

ส่วนใหญ่จะมีอาการปวดท้องรุนแรงตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่ซึ่งมักจะเกิดขึ้นทันทีทันใด และปวดตลอดเวลา มักปวดร้าวไปที่หลัง เวลาไอ หายใจลึก ๆ เวลานอนหงายหรือเคลื่อนไหว หรือกดถูกหน้าท้องจะมีอาการเจ็บปวดมาก แต่จะรู้สึกปวดน้อยลงเวลาลุกขึ้นนั่งโก้งโค้ง หรือนั่งโน้มตัวไปข้างหน้า

ผู้ป่วยมักมีไข้ (อาจมีไข้ตั้งแต่แรก หรือมีไข้ขึ้นตามมาหลังจากมีอาการปวดท้องสักพักใหญ่ก็ได้) รวมกับอาการหนาวสั่น ใจเต้นเร็ว คลื่นไส้ อาเจียน และอาจมีอาการท้องอืดแน่น เบื่ออาหาร ท้องเดิน ร่วมด้วย

ในรายที่เป็นรุนแรง อาจมีอาการอ่อนเพลียมาก หายใจเร็วกว่าปกติ เวลาลุกขึ้นยืนอาจมีอาการหน้ามืด เวียนศีรษะ และอาจมีภาวะช็อก (ใจหวิวใจสั่น กระสับกระส่าย เหงื่อออก ตัวเย็น)

บางรายอาจมีประวัติดื่มแอลกอฮอล์จัดหรือกินเลี้ยงมาก่อนสัก 12-24 ชั่วโมง

ภาวะแทรกซ้อน

ที่พบบ่อย ได้แก่ การเกิด "ถุงน้ำไม่แท้ (pseudocyst)" ในช่องท้อง ซึ่งมักเกิดในช่วง 1 เดือนหลังเกิดอาการตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน ถ้าถุงน้ำมีขนาดเล็ก อาจไม่มีอาการผิดปกติ (มักตรวจพบจากการถ่ายภาพช่องท้องด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์) บางรายอาจมีอาการท้องอืดแน่น มีลมในท้อง หรือปวดหน่วง ๆ หนัก ๆ ในท้อง แต่ถ้ามีถุงน้ำขนาดใหญ่ อาจเกิดการแตกมีเลือดออกหรือมีการติดเชื้อแทรกซ้อน เป็นอันตรายได้ ถุงน้ำขนาดเล็กมักจะค่อย ๆ ยุบหายไปได้เอง ส่วนถุงน้ำขนาดใหญ่ในผู้ป่วยบางรายอาจไม่ยุบหายไป

บางรายอาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียของตับอ่อน หรือหรือเกิดฝีตับอ่อน (pancreatic abscess) แทรกซ้อน ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะโลหิตเป็นพิษ มีอันตรายร้ายแรงได้

อาจพบภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงอื่น ๆ เช่น ปอดอักเสบ ภาวะปอดแฟบ ปอดบวมน้ำ (pulmonary edema) มีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด การหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน ไตวาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ กล้ามเนื้อหัวใจตาย เลือดออกในกระเพาะอาหาร ลำไส้อุดกั้น เยื่อบุช่องท้องอักเสบ (จากการติดเชื้อแบคทีเรีย) เป็นต้น

นอกจากนี้ยังอาจพบการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในเลือด เช่น ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง  ภาวะไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง เป็นต้น

บางอาจกลายเป็นตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง* ทำให้มีภาวะท้องเดินเรื้อรังเนื่องจากการดูดซึมผิดปกติ (เกิดภาวะขาดอาหาร น้ำหนักลด) อาจเป็นเบาหวาน เนื่องจากเซลล์ตับอ่อนถูกทำลาย ทำให้ผลิตอินซูลินได้น้อย และการอักเสบเรื้อรังอาจทำให้กลายเป็นมะเร็งตับอ่อนตามมาได้

ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงมักพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 70 ปี มีภาวะอ้วนจัด ดื่มสุรา หรือสุบบุหรี่

*ตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง (chronic pancreatitis) มีอาการปวดท้องเล็กน้อยตรงใต้ลิ้นปี่ หรือชายโครงด้านซ้าย และปวดร้าวไปที่บั้นเอวด้านซ้ายแบบเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง มักปวดหลังกินอาหาร  น้ำหนักตัวลด (เนื่องจากการร่างกายไม่สามารถดูดซึมสารอาหารได้ตามปกติ) มีอาการท้องเดินเรื้อรัง อุจจาระมีไขมันลอยฟ่อง ออกเป็นสีเทาหรือสีซีด อาจมีกลิ่นเหม็นกว่าปกติ อาจมีอาการดีซ่านร่วมด้วย และอาจตรวจพบระดับน้ำตาลในเลือดสูง บางรายอาจไม่มีอาการผิดปกติจนกว่าจะเกิดภาวะแทรกซ้อน

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

มีไข้ หน้าท้องกดเจ็บ อาจมีอาการท้องอืด เมื่อใช้เครื่องฟังตรวจท้องจะพบเสียงโครกคราก (bowel sound) ของลำไส้ลดลง

อาจตรวจพบอาการดีซ่าน มีจ้ำเขียวขึ้นที่หน้าท้องหรือรอบ ๆ สะดือ  (เรียกว่า "Cullen's sign") หรืออาการมือเท้าเกร็งจากภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ

ในรายที่เป็นรุนแรงอาจตรวจพบภาวะช็อก (ชีพจรเบาเร็ว ความดันโลหิตต่ำ)

แพทย์จะวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการเจาะเลือดตรวจหาระดับเอนไซม์ที่ตับอ่อนผลิต ได้แก่ อะมิเลส (amylase) และไลเพส (lipase) ซึ่งอาจพบสูงกว่าปกติมากในวันแรก ๆ

แพทย์จะทำการตรวจเลือด (ดูระดับน้ำตาล ไตรกลีเซอไรด์ แคลเซียม ครีอะตินิน เป็นต้น) ตรวจปัสสาวะ ตรวจหาเชื้อในรายที่สงสัยมีการติดเชื้อ เอกซเรย์ปอด และทำการถ่ายภาพช่องท้อง (เช่น การตรวจอัลตราซาวนด์ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหรือ MRI) เพื่อตรวจหาความผิดปกติในช่องท้อง (เช่น นิ่วน้ำดี ลักษณะผิดปกติของตับอ่อนและท่อน้ำดี เป็นต้น)

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะรับตัวผู้ป่วยไว้ในโรงพยาบาล และให้การดูแลรักษา ดังนี้

ในระยะแรกให้ผู้ป่วยงดอาหารและดื่มน้ำจนกว่าอาการอักเสบจะทุเลา ให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำให้เพียงพอ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและช็อก

ทำการรักษาเพื่อบรรเทาอาการและแก้ไขภาวะแทรกซ้อน เช่น ถ้าปวดท้องมาก ฉีดยาแก้ปวดชนิดออกฤทธิ์แรง, มีไข้สูงให้ยาลดไข้, ถ้ากินอาหารไม่ได้ ให้อาหารทางสายยาง หรือให้อาหารทางหลอดเลือดดำ, ให้ยาปฏิชีวนะในรายที่มีการติดเชื้อแบคทีเรีย, ให้เลือดในรายที่มีภาวะโลหิตจาง, ให้ออกซิเจนหรือใช้เครื่องช่วยหายใจในรายมีการหายใจผิดปกติ, ให้ยาลดน้ำตาลในรายที่มีน้ำตาลในเลือดสูง, ให้ยาลดไขมันในรายที่มีไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง เป็นต้น

เมื่อรักษาจนปลอดภัยดีแล้ว แพทย์จะทำการแก้ไขสาเหตุและภาวะผิดปกติอื่น ๆ ต่อไป เช่น ถ้าพบว่ามีนิ่วในถุงน้ำดีจะทำการผ่าตัดเอานิ่วออก, ในรายที่ติดสุราเรื้อรัง ก็จำเป็นต้องบำบัดให้เลิกสุรา, ในรายที่มีถุงน้ำไม่แท้ แพทย์อาจทำการใส่ท่อระบาย เป็นต้น

ผลการรักษา ขึ้นกับความรุนแรง ในรายที่มีอาการไม่รุนแรง มักจะรักษาให้หายได้ภายใน 1 สัปดาห์ ในรายที่มีอาการรุนแรง มักมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง และมีอัตราการเสียชีวิตสูง

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการไข้ร่วมกับปวดท้องรุนแรง หรือปวดท้องต่อเนื่องนานเกิน 6 ชั่วโมง ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นตับอ่อนอักเสบ ควรดูแลรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และติดตามการรักษากับแพทย์ตามนัด ที่สำคัญคือ การงดสุราและบุหรี่ การบริโภคอาหารที่มีไขมันต่ำ กินผัก ผลไม้ ธัญพืช และโปรตีน (ที่มีไขมันต่ำไขมัน เช่น ถั่วเหลือง เต้าหู้ ปลา ไข่ขาว) ให้มาก ๆ และการดื่มน้ำมาก ๆ

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีไข้ หรือปวดท้องกำเริบขึ้นใหม่
    คลื่นไส้ อาเจียน หรือกินอาหารไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินที่บ้าน ถ้ากินยาให้แล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ)
    มีความวิตกกังวล

การป้องกัน

1. จำกัดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยการงดดื่มสุรา หรือดื่มปริมาณเล็กน้อยเป็นครั้งคราว

2. งดสูบบุหรี่

3. ควบคุมน้ำหนักตัว โดยการออกกำลังกายและควบคุมอาหาร

4. บริโภคอาหารที่มีไขมันต่ำ กินผัก ผลไม้ ธัญพืช เต้าหู้ ปลาให้มาก ๆ

5. ถ้าเป็นนิ่วน้ำดี ควรผ่าตัดออก

ข้อแนะนำ

1. ผู้ป่วยเมื่อหายดีแล้ว ห้ามดื่มแอลกอฮอล์อีกต่อไป เพราะอาจทำให้กำเริบได้อีก และควรบริโภคผัก ผลไม้ อาหารที่มีไขมันต่ำ

2. ผู้ป่วยที่กลายเป็นตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง บางรายอาจทำให้กลายเป็นเบาหวานได้ เนื่องจากตับอ่อนไม่สามารถสร้างอินซูลิน ดังนั้นผู้ป่วยโรคนี้ ควรติดต่อรักษากับแพทย์ตามนัดอย่าได้ขาด หากกลายเป็นเรื้อรัง หรือมีเบาหวานแทรกซ้อนจะได้รักษาเสียแต่เนิ่น ๆ


8
สิ่งที่อันตรายที่ได้รับจาก “ยาลดน้ำหนัก” ถ้าไม่เลือกให้ดีๆ ก่อนบริโภค   

อันตรายสำคัญๆ ที่เจอได้ในยาลดความอ้วน ที่ลักลอบขายในตลาด มาจากสารกระตุ้นประสาท สารรีบการเผาไหม้พลังงาน แล้วก็สารขับเยี่ยว ที่ถ้าหากรับประทานเข้าไปภายในร่างกายอาจก่อให้ร่างกายเกิดอันตราย หัวใจเต้นผิดจังหวะ ไปจนกระทั่งเสี่ยงหมดสติได้

หลายๆคนพยายามหาวิธีต่างๆ สำหรับในการลดหุ่นของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการบริหารร่างกาย หรือใช้สูตรต่างๆสำหรับเพื่อการคุมของกิน บางรายถึงกับขนาดหายาลดหุ่นมารับประทาน เพื่อได้ผลเร็วขึ้น แม้กระนั้นเคยสงสัยกันไหมว่า เพราะเหตุใดยากลุ่มนี้ ก็เลยทำให้น้ำหนักของพวกเราน้อยลงได้อย่างเร็ว โดยที่พวกเราไม่ต้องทำอะไรมากมายเลย


อันตรายถึงชีวิต

ธรรมดาแล้ว “ยาลดความอ้วน” ทั้งหลายแหล่ จะใส่สารต่างๆเพื่อสารพวกนั้นออกฤทธิ์กับร่างกายกระทั่งสำเร็จให้น้ำหนักต่ำลง แม้กระนั้นเวลาเดียวกันก็ทำให้เกิดผลเสียกับร่างกายเหมือนกัน ขึ้นรถที่ว่านั้น หลักๆ


1.สารกระตุ้นประสาท

สารพวกนี้จะเข้าไปกระตุ้นร่างกายให้กำเนิดอาการต่างๆเพื่อผลสำหรับเพื่อการลดหุ่น ยกตัวอย่างเช่น ไซบูทามีน โดยเป็นสารที่มีลักษณะคล้ายกับเม็ดแอมเฟตามีน หรือที่รู้จักกันในชื่อยาขยัน เมื่อพวกเรากินเข้าไป มันจะไปกระตุ้นให้พวกเรารู้สึกไม่อยากกินอาหาร เวลาเดียวกันก็ยังพอที่จะมีแรงทำงานต่อไปได้ ด้วยเหตุดังกล่าว

เมื่อพวกเรามิได้กินอาหาร แม้กระนั้นยังคงมีกิจกรรมตลอด ร่างกายก็เลยผอมบางลง แต่ว่าสารไซบูทามีน นั้น เมื่อใช้ไปได้สักระยะหนึ่ง จะมีผลให้กำเนิดภาพหลอน มีการหลอนประสาท ช่วงเวลาเดียวกันก็จะมีผลให้ภาวะความดันโลหิตสูงขึ้น หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะได้


2.สารเร่งการเผาผลาญ

จำนวนมากก็มักเป็นกรุ๊ปสารกระตุ้นประสาทดังข้างต้น รวมทั้งยาฮอร์โมนต่อมไทรอยด์ ซึ่งต่อมไทรอยด์เป็นฮอร์โมนช่วยรีบการเผาภายในร่างกายอยู่แล้ว เมื่อมีการเผาผลาญเพิ่มมากขึ้น น้ำหนักก็เลยน้อยลง แต่ว่าก็ส่งผล กระทบกับร่างกายตามมา อาทิเช่น ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือมีลักษณะอาการชักได้


3.สารขับปัสสาวะ

เมื่อรับประทานแล้วจะเยี่ยวบ่อยมากขึ้น ทำให้ขับน้ำภายในร่างกายออกมาให้มากยิ่งกว่าธรรมดา เมื่อร่างกายสูญเสียน้ำมากมาย น้ำหนักก็เลยต่ำลงอย่างเร็ว เวลาที่จำนวนไขมันก็ยังอยู่เหมือนเดิม ซึ่งถ้าเกิดพวกเรากินน้ำเข้าไป ร่างกายก็จะดูดซับแล้วก็กลับมามีน้ำหนักไม่มีความต่างจากก่อนรับประทานยา โดยเหตุนี้ ถ้าเกิดรับประทานยาชนิดนี้มากมายไป ก็จะก่อให้ร่างกายอยู่ในสภาวะขาดน้ำ มีลักษณะอาการวูบ หรือบางทีอาจถึงกับขนาดสลบได้


สรุป

โดย ยา ทั้งยังสามกลุ่มสามารถก่อให้เกิดเกลือแร่ไม่ปกติ แบบร้ายแรง กำเนิดหัวใจเต้นผิดจังหวะแล้วก็เสียชีวิตได้ ถึงอย่างงั้น ก็มียาลดหุ่นที่ใช้เพื่อสำหรับการทางหมออยู่ด้วยด้วยเหมือนกัน เพียงแค่มีกฎเกณฑ์ก็คือ จะใช้เป็นตัวเสริมจากแนวทางหลักทั้งยังการบริหารร่างกาย รวมทั้งการควบคุมของกินเพียงแค่นั้น แล้วก็จะต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์

ด้วยเหตุนั้น สิ่งที่อยากที่จะให้ทุกคนคิดอยู่ตลอดก็คือ ไม่มีแนวทางลดหุ่นแบบไหน ที่ใช้แล้วได้ผลลัพธ์ที่ดีเร็วทันใจ โดยไม่เกิดผลเสียกับร่างกายหรอกนะ เนื่องจากว่ากรรมวิธีการลดหุ่นที่ยอดเยี่ยมก็คือการควบคุมของกิน รวมทั้งบริหารร่างกายอย่างสม่ำเสมอนั่นเอง

9
ข้อเสียของ อาหารสายยาง อาหารปั่นผสม ทั่วไป !

อาหารปั่นผสม เป็นอาหารที่ใช้ในผู้ป่วยที่ไม่สามารถกลืนอาหารเองได้ เป็นอาหารทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยมและการยอมรับที่สามารถใช้ได้ในทางการแพทย์ เพื่อให้กับผู้ป่วยที่ต้องให่อาหารทางสายยาง โดยมีกระบวนการผลิตที่ต้องมีนักโภชนาการควบคุม และต้องมีคำสั่งจากแพทย์ และต้องการรับรองจากแพทย์จึงจะสามารถนำอาหารปั่นผสมมาให้แก่ผู้ป่วยได้ อาหารปั่นผสม แม้จะมีการควบคุมจากนักโภชนาการ และกระบวนการผลิตที่มีความสะอาดและปลอดภัยตามมาตรฐานของโรงพยาบาล แต่ก็ยังมีข้อเสียอยู่ในเรื่องของวัตถุดิบและระยะเวลาในการเก็บรักษาของอาหารปั่นผสม

ข้อเสียของอาหารปั่นผสมนั้น คือระยะเวลาในการเก็บอาหารนั้นน้อยเกินไป เนื่องจากอาหารปั่นผสมจะต้องรับประทานทันทีหลังจากปรุงเสร็จ เพื่อความสดใหม่ของอาหารและอาหารปั่นผสมมีความเสียได้ง่าย จึงมีความจำเป็นต้องรับประทานอาหารทันที แม้ว่าอาหารจะผลิตจากวัตถุดิบที่สดใหม่ และปรุงสุกแล้ว แต่กระบวนการการเก็บรักษายังไม่ดีเท่าที่ควร อาหารปั่นผสมจึงไม่สามารถทำสต็อคไว้ได้

รวมไปถึงผู้ป่วยที่ต้องใช้อาหารปั่นผสมทุกวัน ก็ไม่สามารถกักตุนอาหารไว้ได้ จึงต้องผลิตอาหารปั่นผสมวันต่อวัน เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย และสารอาหารที่มีคุณภาพที่ผู้ป่วยจะได้รับเข้าสู่ร่างกาย สำหรับข้อเสียของอาหารปั่นผสม นอกจากระยะเวลาของการเก็บรักษาอาหารแล้ว ยังมีเรื่องของค่าใช้จ่าย เพราะอาหารปั่นผสมมีราคาที่ค่อนข้างแพงหากเทียบกับราคาอาหารทั่วไปต่อ 1 มื้อ เพราะต้องใช้กระบวนการในการผลิตหลายขั้นตอนนั่นเอง

ทั้งนี้อาหารปั่นผสมของทางเราสามารถคิดค้นกรรมวิธีที่สามารถทำให้อาหารปั่นผสมสามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น โดยอาหารไม่เสียและไม่เกิดอันตรายแก่ผู้ป่วย ทั้งอาหารปั่นผสมของเรายังมีราคาที่ไม่สูงมากและหาซื้อได้ที่โรงพยาบาลธนบุรี 2 และโรงพยาบาลกรุงเทพ-พัทยา นอกจากนี้ผู้ป่วยจะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนใน 3 มื้อต่อวัน คุณสมบัติข้างต้นถือเป็นจุดเด่นของอาหารปั่นผสม และทางเรายังได้รับการรองรับมาตรฐานความปลอดภัย เนื่องด้วยผลิตจากห้องปลอดเชื้อของโรงพยาบาลและยังมีแพทย์และนักโภชนาการควบคุมการผลิตอีกด้วย


10
รถแลกเงิน: อยากได้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ต้องค้ำประกันหรือเปล่า

คนต้องการเงินด่วน เงินก้อนใหญ่ มองหาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแต่วงเงินอนุมัติสูง วิธีการขอสินเชื่อให้อนุมัติง่ายขึ้นก็คือนำหลักทรัพย์ที่มีอยู่ไปเป็นหลักประกัน หรือที่เรียกกันว่า "ค้ำประกัน" แต่ก็มีสินเชื่ออีกรูปแบบนึงนะคะที่ออกแบบมาเพื่อใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันโดยเฉพาะ นั่นก็คือ "สินเชื่อแบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน" นั่นเอง วันนี้พาไปดูแหล่งสินเชื่อแบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกันว่ามีอะไรบ้างและเราสามารถใช้หลักทรัพย์อะไรมาค้ำประกันสินเชื่อได้บ้าง

 
สินเชื่อบ้านแลกเงิน
สินเชื่อบ้านแลกเงินเหมาะกับคนที่ต้องการเงินก้อนใหญ่ เวลายื่นขอสินเชื่อประเภทนี้ผู้กู้ต้องนำบ้านหรือคอนโดปลอดภาระมาเป็นหลักประกันกับธนาคาร ส่วนวงเงินที่ได้รับอนุมัติก็ขึ้นอยู่กับการประเมินตัวบ้านว่าอยู่ในสภาพดีแค่ไหน
 
สินเชื่อที่ดิน
ที่ดินถือเป็นหลักทรัพย์อีกประเภทที่เราสามารถนำมาเป็นหลักประกันเพื่อขอสินเชื่อได้ โดยเรียกกันว่าสินเชื่อที่ดินหรือสินเชื่อที่ดินแลกเงิน วงเงินกู้ส่วนใหญ่ไม่เกิน 80-90% ของราคาประเมิน
 
สินเชื่อทะเบียนรถ
สินเชื่อนี้เราสามารถนำเล่มทะเบียนรถยนต์ หรือรถมอเตอร์ไซค์ไปเป็นหลักประกันเวลายื่นขอสินเชื่อกับธนาคารได้ทันที โดยเงื่อนไขระยะเวลาการพิจารณา และวงเงินที่อนุมัติก็แตกต่างกันออกไป แต่ส่วนใหญ่จะประเมินจากประเภทของรถ ยี่ห้อ รุ่น อายุการใช้งาน และสภาพของรถที่เอามาขอสินเชื่อ สำหรับการขอสินเชื่อประเภทนี้ส่วนใหญ่รู้ผลอนุมัติไว วงเงินสูง แถมยังมีรถไว้ใช้งานเหมือนเดิม
 
หลักทรัพย์ที่นิยมนำมาค้ำประกัน
1. ที่ดินเปล่า ที่ยังไม่มีการนำไปทำประโยชน์
2. ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง สำหรับผู้ขอสินเชื่อที่มีที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างอย่างบ้านหรือสถานประกอบการในครอบครอง สามารถนำไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้เช่นเดียวกับที่ดินเปล่า
3. บ้านหรือคอนโด
4. อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ เช่น ร้านอาหาร, ปั๊มน้ำมัน, อาคารสำนักงาน, โรงแรม เป็นต้น
5. เงินฝากที่อยู่ในบัญชีธนาคาร มีจำนวนเงินตามเงื่อนไขที่กำหนด
6. หลักทรัพย์ที่อยู่ในความต้องการของตลาด เช่น หุ้นสามัญ, หุ้นกู้, ตราสารหนี้
7. ยานพาหนะ เช่น รถยนต์ หรือรถมอเตอร์ไซค์
การยื่นขอสินเชื่อไม่ว่าจะเป็นสินเชื่ออะไรก็ตาม อย่าลืมเตรียมความพร้อมให้ดีนะคะ โดยเฉพาะเอกสารต่าง ๆ ทั้งเอกสารส่วนตัว เอกสารทาวการเงิน รวมถึงเอกสารหลักทรัพย์ที่จำนำมาค้ำประกัน เพราะหากเอกสาครบก็ช่วยให้การพิจารณาอนุมัติสินเชื่อรวดเร็ว และอนุมัติผ่านง่ายขึ้นนะคะ

11
จัดฟันบางนา: ทำความสะอาดรีเทนเนอร์ ด้วยวิธีง่ายๆ

หลายคนเข้าใจผิดคิดว่ารีเทนเนอร์คือการจัดฟัน แต่จริง ๆ แล้วรีเทนเนอร์เป็นเครื่องมือที่นำมาใช้เพื่อคงสภาพฟันไม่ให้เคลื่อนที่ไปจากตำแหน่งที่เป็นอยู่ ซึ่งหลังจากทันตแพทย์จัดฟันให้คนไข้เสร็จแล้วจะให้ใส่รีเทนเนอร์ อย่างเคร่งครัด เพื่อคงสภาพฟันของเรา ควรถอดรีเทนแนอร์ออกมาแปรงทำความสะอาดรีเทนเนอร์ ไปพร้อมกับแปรงฟันในทุกๆครั้ง แต่บางครั้งการทำความสะอาดด้วยแปรงสีฟันเพียงอย่างเดียวก็อาจจะไม่พอ

โดยรีเทนเนอร์แบบลวดเส้นเดียวและรีเทนเนอร์แบบใสที่สามารถถอดออกได้เหมือนกันนั้น มีวิธีทำความสะอาด ดังนี้

-หลังถอดออกมา ให้ล้างคราบสกปรกที่รีเทนเนอร์ทันที เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้ทำความสะอาดได้ยากยิ่งขึ้น ใช้แปรงสีฟันชนิดขนนุ่มกับน้ำอุ่นที่ผสมยาสีฟันหรือน้ำยาล้างจานในปริมาณเล็กน้อยแปรงทำความสะอาดรีเทนเนอร์เบา ๆ หลังรับประทานอาหารทุกครั้ง

-ใช้ก้านสำลีขนาดเล็กเช็ดบริเวณร่องในรีเทนเนอร์ซึ่งเป็นจุดที่ยากต่อการทำความสะอาดด้วยแปรงสีฟัน

-ปรึกษาทันตแพทย์ก่อนแช่รีเทนเนอร์กับน้ำยาบ้วนปากหรือน้ำยาทำความสะอาดฟันปลอม และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเสมอ

-ทันตแพทย์อาจแนะนำให้ใช้สารละลายพิเศษสำหรับทำความสะอาดรีเทนเนอร์โดยเฉพาะ เพื่อกำจัดคราบฝังแน่นที่ทำความสะอาดได้ยาก

ส่วนรีเทนเนอร์ชนิดถาวรเป็นอุปกรณ์ที่ยึดติดอยู่กับฟันตลอดเวลา ไม่สามารถถอดออกมาได้ จึงควรหมั่นใช้ไหมขัดฟันกำจัดสิ่งสกปรก ซึ่งปฏิบัติได้ตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

ร้อยไหมขัดฟันเข้าไประหว่างรีเทนเนอร์และฟันล่าง โดยอาจใช้เข็มร้อยไหมขัดฟันเพื่อช่วยให้ร้อยได้ง่ายขึ้น
จับไหมขัดฟันแต่ละข้างแล้วดึงไหมขัดฟันขึ้นและลงระหว่างซี่ฟันเพื่อกำจัดสิ่งสกปรก โดยดึงให้ไหมขัดฟันลงลึกไปถึงบริเวณขอบเหงือกด้วย
ผู้ที่มีปัญหาในการใช้ไหมขัดฟันควรปรึกษาทันตแพทย์ เพื่อรับคำแนะนำในการใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกต้อง
ทั้งนี้ หลังใช้รีเทนเนอร์แล้วพบว่าเหงือกหรือเนื้อเยื่อภายในช่องปากบวมแดงหรือพบอาการผิดปกติใด ๆ ภายในช่องปาก ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

12
มอเตอร์โชว์: เมอร์เซเดส-เบนซ์ Mercedes-benz C-Class C 350 e AMG Dynamic (Night Edition) ปี 2024
3,290,000 บาท 

เมอร์เซเดส-เบนซ์ Mercedes-benz C-Class C 350 e AMG Dynamic (Night Edition) ปี 2024
Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic (Night Edition) คือยนตรกรรมไซส์คอมแพกต์ ขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดรุ่นยอดนิยมที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งานของคนรุ่นใหม่อย่างลงตัว โดยรุ่นพิเศษ Night Edition มาพร้อมการปรับโฉมดีไซน์ใหม่ด้วยการผสานชุดแต่ง AMG เข้ากับชุดแต่ง Night Package รอบคัน ทั้งกระจกมองข้างสีดำเงา กระจังหน้า กันชนหน้า และล้อแม็กซ์รมดำแบบ AMG 5-spoke aerodynamically ขนาด 18 นิ้ว ที่มาเสริมสร้างรูปลักษณ์แห่งความสปอร์ต ดุดัน และเปี่ยมไปด้วยความหรูหราอย่างมีระดับ นอกจากนี้ C-Class (Night Edition) ยังมาพร้อมนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ถูกติดตั้งมาอย่างครบครันมากยิ่งขึ้น

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์            Mercedes-benz
   รุ่น                 เมอร์เซเดส-เบนซ์ Mercedes-benz C-Class C 350 e AMG Dynamic (Night Edition) ปี 2024
   ประเภทรถ        รถเก๋ง 4 ประตู, รถไฮบริด
   ปีที่เปิดตัว        2024
   ราคา              3,290,000 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
อุปกรณ์ชุดแต่ง (ผสานชุดแต่ง AMG เข้ากับชุดแต่ง Night Package รอบคัน,กระจัง-กันชนหน้ารมดำ)
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว (แบบ LED สีดำ)
กระจกกรองแสง (สีเขียว)
ไฟตัดหมอก (หลัง)
ระบบควบคุมระยะการจอด
ระบบไล่ฝ้ากระจกมองข้าง
ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม
ไฟท้าย LED
ขนาดยางหน้า-หลัง (หน้า 225/45 R18 หลัง 245/40 R18)
ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์
ปัดน้ำฝนกระจกหน้าแบบพิเศษ (ทำงานอัตโนมัติ พร้อมเซ็นเซอร์วัดปริมาณน้ำฝน)
ไฟหน้า LED (High Performance)
หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ (เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า)
ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (Cornering Light)
ไฟ Daytime Running Lights
ระบบไฟสูงแบบ Ultra Rang Highbeam
ล้ออัลลอย (AMG 5-spoke aerodynamically ขนาด 18 นิ้ว)

   ภายใน
เบาะคนขับปรับสูง-ต่ำได้
ระบบจดจำปรับที่นั่งคนขับ
ตกแต่งภายใน (แบบ AMG interior package,วัสดุตกแต่งห้องโดยสารแบบ Metal structure trim element)
ปลั๊กไฟ 12 โวลท์
พวงมาลัยหุ้มหนัง (Nappa พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control)
กระจกมองหลังตัดแสง (อัตโนมัติ)
ม่านบังแดด (ประตูหลังซ้าย- ขวา, ด้านหลัง เลื่อนขึ้น-ลง ด้วยระบบไฟฟ้า)
พรมปูพื้น (พร้อมสัญลักษณ์ AMG)
ระบบปรับรูปแบบการขับขี่

สเปค
   เครื่องยนต์
เบนซิน แถวเรียง/4 สูบ/4 วาล์วต่อสูบ เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์/มอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 129 แรงม้า 440 นิวตันเมตร มอบกำลังรวมสูงสุดทั้งระบบ 313 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร

   ขนาดเครื่องยนต์ (CC)       1,999 CC
   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)    204 แรงม้า
   ระบบเกียร์                    เกียร์อัตโนมัติแบบ 9AT
   รูปแบบเกียร์                  9G-TRONIC
   ระบบเบรค ABS                มี
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง     เบนซิน 95, เบนซิน 91, แก๊สโซฮอล์ 95 (E10), ไฮบริด
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)         N/A
   ระบบจ่ายน้ำมัน             หัวฉีด/ขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าได้มากกว่า 100 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน WLTP)
   น้ำหนักตัวรถ               2,080 กก.
   ประเภทยางรถยนต์          -
   ขนาดล้อ (นิ้ว)            ล้ออัลลอย (AMG 5-spoke aerodynamically ขนาด 18 นิ้ว)
   ระบบขับเคลื่อน           ขับเคลื่อนล้อหลัง

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย 
ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP)
ตัวถังนิรภัย
ดิสก์เบรก 4 ล้อ
เซ็นทรัลล็อค (พร้อมเปิดฝากระโปรงท้าย)
กุญแจรีโมท (แบบ KEYLESS-GO)
กุญแจนิรภัย (Immobilizer)
ล็อคประตูอัตโนมัติ
ระบบแจ้งอุปกรณ์ทำงานขัดข้อง (ระบบเตือนระดับผ้าเบรก)
ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์ (Assyst)
หลอดไฟพิเศษระบบ Daytime Running Lights(DRL) (แบบ LED Fibre-Optic)
เข็มขัดนิรภัย (แบบผ่อนแรงและรั้งกลับอัตโนมัติ)
กระจกนิรภัย (กระจกหน้าต่างแบบ Heat and noise-insulting acoustic glass)
คานเหล็กเสริมนิรภัย
ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (HSA)
อื่นๆ (ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องจราจร)
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล
ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค
ระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ (G-VECTORING CONTROL)
ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (พร้อมกล้อง 360 องศา)
ระบบกันสะเทือนอัจฉริยะ Dynamic Damper Control
กล้อง (แสดงภาพด้านหลัง ขณะถอยรถ)
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning - BSW)
ระบบเตือนแรงดันลมยาง

13
หมอประจำบ้าน: ริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids)

ริดสีดวงทวาร เป็นภาวะที่หลอดเลือดดำที่มีอยู่ตามธรรมชาติของคนทั่วไปในบริเวณปลายลำไส้ใหญ่ (ไส้ตรง) และทวารหนักเกิดการบวม และโป่งพอง เป็นก้อน เรียกว่า "หัวริดสีดวง" แล้วมีการปริแตกของผนังหลอดเลือดขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ ทำให้มีเลือดออกเป็นครั้งคราว

ริดสีดวงทวารมีอยู่ 2 ชนิด ได้แก่

1. ริดสีดวงภายนอก (external hemorrhoid) เกิดขึ้นตรงปากทวารหนัก จากที่หลอดเลือดใต้ผิวหนังเกิดการโป่งพอง ซึ่งมองเห็นจากภายนอกและสามารถคลำได้

2. ริดสีดวงภายใน (internal hemorrhoid) เกิดตรงบริเวณที่อยู่ลึกขึ้นไปในทวารหนัก จากที่หลอดเลือดบริเวณนั้นเกิดการโป่งพอง ซึ่งมักมองไม่เห็นจากภายนอกและคลำไม่ได้ จะตรวจพบเมื่อใช้กล้องส่องตรวจ หรือพบในระยะที่มีหัวริดสีดวงยื่นออกมานอกทวารหนัก

ริดสีดวงภายในแบ่งได้เป็น 4 ระยะ ได้แก่

    ระยะที่ 1 หัวริดสีดวงหลบอยู่ภายใน ไม่ยื่นออกมานอกทวารหนัก อาจมีเพียงอาการเลือดออกสด ๆ ขณะถ่ายอุจจาระ
    ระยะที่ 2 หัวริดสีดวงยื่นออกมานอกทวารหนักขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ และเลื่อนกลับเข้าไปได้เองเมื่อหยุดเบ่งถ่าย หรือหลังถ่ายอุจจาระเสร็จ
    ระยะที่ 3 หัวริดสีดวงยื่นออกมานอกทวารหนักขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ และไม่เลื่อนกลับเข้าไปได้เองหลังถ่ายอุจจาระ ต้องใช้มือดันกลับเข้าไป
    ระยะที่ 4 หัวริดสีดวงยื่นย้อยออกมานอกทวารหนักตลอดเวลา ไม่สามารถดันกลับเข้าไปได้ และอาจรู้สึกปวด

ริดสีดวงทวาร อาจพบเป็นเพียงหัวเดียวหรือหลายหัวก็ได้ และอาจเป็นริดสีดวงทวารภายนอกร่วมกับริดสีดวงทวารภายในก็ได้

โรคนี้พบได้บ่อยในคนทั่วไป พบเป็นสาเหตุอันดับแรก ๆ ของอาการถ่ายอุจจาระเป็นเลือดสด และเมื่อยิ่งมีอายุมากขึ้นจะยิ่งพบได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพบได้บ่อยในคนอายุมากกว่า 50 ปี เนื่องจากเนื้อเยื่อบริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนปลายเริ่มอ่อนแอและมีการยืดตัว

โดยทั่วไปจะไม่ค่อยมีอาการรุนแรงหรืออันตราย แต่อาจเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง น่ารำคาญ หรือทำให้วิตกกังวล โดยมากมักจะมีอาการเวลาท้องผูก หรือท้องเดินบ่อยครั้ง

สาเหตุ

โรคนี้เกิดจากเครือข่ายของหลอดเลือดเฮมอร์รอยด์ (hemorrhoidal plexus) ที่บริเวณผนังของไส้ตรง (rectum) ส่วนล่าง และทวารหนัก (anus) เกิดการบวมหรือโป่งพอง เนื่องจากมีภาวะความดันสูงในหลอดเลือดดำ (ของเครือข่ายหลอดเลือดดังกล่าว) จากเหตุปัจจัยต่าง ๆ อาทิ

    การเบ่งถ่ายอุจจาระหรือนั่งถ่ายอุจจาระนาน ๆ 
    อาการท้องผูก หรือท้องเดินเรื้อรัง
    การนั่งนาน ๆ หรือยกของหนัก
    การกินอาหารที่มีกากใยน้อย
    การขาดการออกกำลังกาย
    การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก
    น้ำหนักมาก หรือภาวะอ้วน
    ภาวะตั้งครรภ์
    ไอเรื้อรัง

นอกจากนี้ ยังอาจพบร่วมกับโรคในช่องท้อง เช่น ตับแข็ง (ทำให้มีภาวะความดันในหลอดเลือดดำตับสูง ซึ่งส่งผลกระทบมาที่หลอดเลือดดำที่ทวารหนัก) โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (inflammatory bowel disease) ก้อนเนื้องอกในท้อง (เช่น เนื้องอกมดลูก เนื้องอกหรือถุงน้ำรังไข่) ท้องมาน (ภาวะท้องบวมน้ำ) มะเร็งลำไส้ใหญ่ ต่อมลูกหมากโต เป็นต้น

บางคนอาจมีประวัติว่ามีพ่อแม่หรือพี่น้องเป็นโรคนี้

บางคนอาจเกิดโรคนี้โดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจนก็ได้

อาการ

ส่วนมากจะมีอาการเลือดออกทางทวารหนัก เป็นเลือดแดงสด เกิดขึ้นขณะเบ่งถ่ายหรือหลังถ่ายอุจจาระ อาจสังเกตมีเลือดเปื้อนกระดาษชำระ หรือเคลือบที่ผิวอุจจาระ หรือมีเลือดไหลออกเป็นหยดลงโถส้วม เลือดที่ออกจะไม่ปะปนกับอุจจาระและไม่มีมูกร่วมด้วย แต่ละครั้งเลือดออกไม่มากและหยุดได้เอง โดยไม่มีอาการเจ็บปวด เมื่อถ่ายครั้งใหม่ก็จะมีเลือดออกได้อีก ส่วนใหญ่มักมีอาการถ่ายเป็นเลือดอยู่ 2-3 วัน แล้วหายไปเอง

สำหรับริดสีดวงทวารภายนอก อาจมีอาการระคายเคืองหรือคันรอบ ๆ ปากทวารหนัก หรืออาจคลำพบติ่งเนื้อนิ่ม ๆ ที่ขอบทวารหนัก ในรายที่มีลิ่มเลือดอุดตันแทรกซ้อนจะมีอาการปวดรุนแรง และคลำได้ก้อนแข็งที่บริเวณทวารหนัก

สำหรับริดสีดวงทวารภายใน ในระยะแรกมักตรวจไม่พบหัวริดสีดวง ต่อเมื่อเป็นระยะที่มีหัวริดสีดวงยื่นออกมานอกทวารหนัก จะพบว่ามีก้อนเนื้อนิ่ม ๆ ยื่นออกมานอกขอบทวารหนักขณะถ่ายอุจจาระ ซึ่งมักเลื่อนกลับเข้าไปได้เองเมื่อหยุดเบ่งถ่าย หรือใช้มือดันกลับเข้าไปได้ แต่ถ้ายื่นออกมานอกทวารหนักตลอดเวลา ไม่สามารถเลื่อนกลับเข้าไปได้ อาจทำให้รู้สึกปวด 

ถ้ามีเลือดออกมากหรือเรื้อรัง อาจมีอาการอ่อนเพลียและซีดได้

ภาวะแทรกซ้อน

ส่วนใหญ่แม้ว่าจะมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย แต่มักไม่มีภาวะแทรกซ้อน

ในรายที่ปล่อยให้มีอาการเรื้อรัง อาจมีการเสียเลือดเรื้อรัง เกิดภาวะโลหิตจางจากภาวะขาดธาตุเหล็กได้

นอกจากนี้ ในรายที่เป็นริดสีดวงภายในระยะรุนแรง หัวริดสีดวงอาจยื่นออกมาย้อยที่ปากทวารหนัก ถูกกล้ามเนื้อหูรูดบีบรัด ทำให้ขาดเลือดไปเลี้ยง เรียกว่า "ริดสีดวงชนิดถูกบีบรัด (strangulated hemorrhoid)" มีอาการเกิดก้อนเจ็บที่ขอบทวารหนัก ซึ่งก้อนจะโตขึ้นเร็วใน 24 ชั่วโมงแรก และรู้สึกเจ็บมากในระยะ 5-7 วันแรก มักมีน้ำเมือกและเลือดซึม และถ่ายลำบาก อาการจะค่อยทุเลา หายเป็นปกติประมาณ 2 สัปดาห์ไปแล้ว ผู้ป่วยอาจมีประวัติว่าเคยเป็นริดสีดวงมาก่อนหรือไม่ก็ได้

ส่วนโรคริดสีดวงภายนอก อาจเกิดลิ่มเลือดขึ้นในหัวริดสีดวง เรียกว่า "ริดสีดวงทวารชนิดมีลิ่มเลือดอุดตัน (thrombosed hemorrhoid)" ทำให้ริดสีดวงเกิดการอักเสบ บวม มีอาการปวดรุนแรงขณะนั่ง เดิน และถ่ายอุจจาระ และคลำได้ก้อนแข็งที่บริเวณทวารหนัก ผู้ป่วยจะมีอาการปวดมากใน 24-48 ชั่วโมงแรก หลังจากนั้นลิ่มเลือดจะค่อย ๆ ถูกดูดซึมไป อาการจะค่อย ๆ ทุเลา และอาจหายเป็นปกติได้เองภายใน 2-3 สัปดาห์ หลังหายแล้วอาจพบเนื้อเยื่อบริเวณนั้นกลายเป็นติ่งหนัง (skin tag)   

ผู้ที่มีภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวบางรายอาจมีอาการรุนแรงจนต้องรีบไปให้แพทย์รักษา

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย รวมทั้งการตรวจทวารหนัก

ในรายที่มีอาการเล็กน้อย อาจตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นริดสีดวงทวารภายใน ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในลำไส้ใหญ่

บางรายอาจตรวจพบก้อนหรือติ่งหนัง (skin tag) ที่ขอบทวารหนัก หรือก้อนเนื้อนิ่มที่ยื่นโผล่ออกมาที่ปากทวารหนัก

หากยังวินิจฉัยได้ไม่ชัดเจน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนอายุมากกว่า 40 ปี หรือมีอาการเรื้อรัง) หรือสงสัยมีความผิดปกติอื่นในลำไส้ใหญ่หรือช่องท้อง หรือมีภาวะแทรกซ้อน แพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น ใช้กล้องส่องตรวจลำไส้ใหญ่ (anoscopy/proctoscopy/sigmoidoscopy/colonoscopy) ตรวจเลือด อุจจาระ ปัสสาวะ การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรืออัลตราซาวนด์ เป็นต้น

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ในรายที่มีอาการเล็กน้อย คือมีเลือดออกเล็กน้อยขณะเบ่งถ่ายหรือหลังถ่ายอุจจาระ ไม่มีอาการเจ็บปวด แนะนำให้ผู้ป่วยสังเกตอาการ เวลาถ่ายอุจจาระพยายามไม่เบ่งแรง และไม่นั่งถ่ายนาน ๆ อย่านั่งนาน ๆ และไม่ยกของหนัก

ถ้าจำเป็นอาจให้การรักษาอาการท้องผูกหรือท้องเดินที่เป็นสาเหตุที่ทำให้อาการกำเริบ

สำหรับผู้ที่มีอาการท้องผูก แนะนำให้ผู้ป่วยปฏิบัติตัวเพื่อให้อุจจาระนุ่มและถ่ายง่าย (ดูหัวข้อ "การดูแลตนเอง" ด้านล่าง)

2. ถ้ามีอาการปวดริดสีดวงทวารเนื่องจากมีการอักเสบ แนะนำให้ผู้ป่วยนั่งแช่ในน้ำอุ่นจัด ๆ (ขนาดร้อนพอทน หรือประมาณ 40 องศาเซลเซียส) วันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 15-20 นาที แล้วใช้ผ้านุ่ม ๆ ซับให้แห้ง

ถ้าปวดมากให้ยาแก้ปวด-พาราเซตามอล หรือยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนก) ควรหลีกเลี่ยงยาแก้ปวดที่เข้าสารฝิ่นหรืออนุพันธ์ของฝิ่น เพราะอาจทำให้ท้องผูก นอกจากนี้อาจใช้ยาชาชนิดเจล (ที่มีตัวยา lidocaine) ทาระงับปวด

นอกจากนี้ แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาเหน็บริดสีดวงทวาร หรือยาทาที่มีตัวยาสเตียรอยด์ผสมกับยาชา (เช่น ยาที่มีชื่อการค้าว่า "Proctosedyl" "Doproct" "Scheriproct N" ชนิดเหน็บทวาร หรือชนิดขี้ผึ้ง/ครีมสำหรับใช้ทา วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น และหลังถ่ายอุจจาระ) เพื่อลดการอักเสบ บรรเทาอาการปวดและคัน (จะหยุดใช้เมื่ออาการทุเลาแล้ว จะไม่ใช้นานเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจะทำให้ผิวบาง)

3. ถ้ามีภาวะซีดจากการเสียเลือดเรื้อรัง ให้ยาบำรุงโลหิต

4. ถ้าหัวริดสีดวงหลุดออกมาข้างนอก แพทย์จะใส่ถุงมือใช้ปลายนิ้วชุบสบู่ให้หล่อลื่น แล้วดันหัวกลับเข้าไป

5. ถ้าริดสีดวงภายนอกมีลิ่มเลือดอุดตัน มีอาการปวดรุนแรง แพทย์จะทำการกรีดเอาลิ่มเลือดออกไป ซึ่งจะช่วยให้ทุเลาปวดได้ทันที (จะได้ผลดีภายใน 72 ชั่วโมงหลังเกิดลิ่มเลือด) หลังจากนั้นแนะนำให้ผู้ป่วยแช่น้ำอุ่นจัด ๆ และใช้ยาทาหรือยาเหน็บริดสีดวงทวาร 

6. ถ้าให้การรักษาดังกล่าวข้างต้นไม่ได้ผล มีอาการปวดมาก หรือมีเลือดออกเรื้อรัง หรือมีหัวริดสีดวงยื่นออกมานอกทวารหนักบ่อยหรือดันกลับเข้าไปไม่ได้ แพทย์อาจทำการรักษาด้วย "หัตถการที่ไม่ใช่การผ่าตัด" วิธีใดวิธีหนึ่ง ดังนี้

    การใช้ยางรัด (rubber band ligation) รัดรอบ ๆ หัวริดสีดวงภายใน ทำให้เลือดไปเลี้ยงไม่ได้ หัวริดสีดวงก็จะเหี่ยวแห้งและหลุดออกเองภายใน 1 สัปดาห์ วิธีนี้มีอัตราการหายขาดค่อนข้างสูง แต่อาจมีผลข้างเคียง เช่น อาการปวดถ่วงในทวารหนัก เลือดออก (ไม่มากและหยุดเองได้) หัวริดสีดวงอักเสบ (บวม เจ็บ) และย้อยออกมาได้ 
    การฉีดสารก่อกระด้าง (sclerotherapy) เข้าที่หัวริดสีดวง ทำให้ริดสีดวงฝ่อไป วิธีนี้ใช้ได้ผลดี เหมาะสำหรับริดสีดวงภายในระยะที่ 1 และ 2 มีความสะดวก ปลอดภัย ไม่มีความเจ็บปวด แต่มีอัตราการหายขาดน้อยกว่าการใช้ยางรัด
    การรักษาด้วยแสงเลเซอร์ อินฟราเรด หรือความร้อน (laser, infrared or bipolar photocoagulation) ทำให้หัวริดสีดวงแข็งและยุบลง วิธีนี้ใช้สำหรับรักษาริดสีดวงภายในที่มีขนาดเล็กและกลาง มีผลข้างเคียงน้อย แต่มีอัตราการกำเริบใหม่มากกว่าการใช้ยางรัด

7. ถ้าเป็นมาก มีภาวะแทรกซ้อน หรือรักษาด้วยยาและหัตถการต่าง ๆ แล้วไม่ได้ผล แพทย์ก็จะรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งมีให้เลือกวิธีใดวิธีหนึ่ง ดังนี้

    การผ่าตัดเอาหัวริดสีดวงออก (hemorrhoidectomy) ซึ่งเป็นการผ่าตัดแบบดั้งเดิม โดยเลาะเอาเนื้อเยื่อบริเวณที่เป็นริดสีดวงทวารออก วิธีนี้ให้ผลการรักษาดี มีโอกาสในการกลับมากำเริบใหม่น้อย แต่อาจมีผลข้างเคียงคือ ทำให้เกิดภาวะปัสสาวะคั่ง (ถ่ายปัสสาวะไม่ออก) และการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะได้
    การผ่าตัดโดยใช้เครื่องมือเย็บติด (stapled hemorrhoidectomy/stapled hemorrhoidopexy) เป็นการใช้เครื่องมือคล้ายเครื่องยิงลวดทำการตัด เย็บ และผูกหัวริดสีดวง ปิดกั้นเลือดที่จะไปเลี้ยงบริเวณที่เป็นริดสีดวงทวาร ทำให้หัวริดสีดวงเกิดการฝ่อและหลุดไป วิธีนี้เหมาะสำหรับการรักษาริดสีดวงทวารภายในเท่านั้น วิธีนี้ทำให้เกิดการเจ็บปวดน้อยกว่า และฟื้นตัวได้เร็วกว่าการผ่าตัดแบบดั้งเดิม แต่มีความเสี่ยงต่อการกำเริบใหม่ และภาวะไส้ตรงยื่นย้อย (rectal prolapse) มากกว่าการผ่าตัดแบบดั้งเดิม และอาจเกิดผลแทรกซ้อน เช่น เลือดออก ปัสสาวะไม่ออก เกิดการติดเชื้อ เป็นต้น

ผลการรักษา ผู้ที่มีอาการเล็กน้อยซึ่งพบได้เป็นส่วนใหญ่ สามารถให้การรักษาตามอาการ ทำให้อาการทุเลาได้ แต่มีโอกาสกลับมากำเริบเป็นครั้งคราวเวลาท้องผูกหรือท้องเดิน

ในรายที่มีความจำเป็นต้องรักษาด้วยหัตถการที่ไม่ใช่การผ่าตัด (เช่น การใช้ยางรัด) มีโอกาสกำเริบใหม่ภายใน 5-10 ปี ถึงร้อยละ 30-50 ส่วนในรายที่รักษาด้วยการผ่าตัดมีโอกาสกำเริบใหม่น้อยกว่าร้อยละ 5

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น ถ่ายอุจจาระออกเป็นเลือดสด มีอาการคันหรือเจ็บที่ทวารหนัก มีก้อนยื่นออกมาที่ปากทวารหนักตอนถ่ายอุจจาระ หรือคลำพบก้อนที่ปากทวารหนัก ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นริดสีดวงทวาร  ควรดูแลตนเองดังนี้

    รักษาและใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์
    เวลาถ่ายอุจจาระอย่านั่งนาน และไม่เบ่งแรง (ผ่อนแรงเบ่งด้วยการอ้าปากและค่อย ๆ หายใจออกทางปาก)
    ไม่นั่งนาน ๆ และไม่ยกของหนัก
    ถ้ามีอาการท้องผูก ควรปฏิบัติดังนี้

- ดื่มน้ำมาก ๆ วันละประมาณ 8-12 แก้ว (2-3 ลิตร) 
- กินอาหารที่มีกากใยสูง (ผัก ผลไม้ ข้าวกล้อง ธัญพืช) ให้มาก ๆ
- งดดื่มชา กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะทำให้ท้องผูกได้
- ออกกำลังกายเพื่อควบคุมน้ำหนัก (ภาวะน้ำหนักเกินมีผลต่อการกำเริบของโรค) และป้องกันท้องผูก
- ถ่ายอุจจาระเป็นเวลาทุกวัน และอย่าอั้นถ่ายเวลามีอาการปวดถ่ายอุจจาระ
- กินสารเพิ่มกากใย และ/หรือยาระบายตามคำแนะนำของแพทย์

    ถ้าปวดริดสีดวงทวาร นั่งแช่น้ำอุ่น ใช้ยาแก้ปวด และใช้ยาเหน็บหรือยาทาริดสีดวงทวารตามคำแนะนำของแพทย์

ควรกลับไปพบแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีเลือดออกมาก มีภาวะซีด รู้สึกอ่อนเพลียมาก หรือเวลาลุกนั่งมีอาการหน้ามืดจะเป็นลม
    มีอาการปวดริดสีดวงมาก
    หัวริดสีดวงยื่นออกมาที่ปากทวารหนัก และไม่เลื่อนกลับเข้าไปได้เอง
    น้ำหนักลด ปวดท้องบ่อย ท้องผูกเรื้อรัง ท้องเดินเรื้อรัง หรือมีอาการท้องผูกสลับท้องเดิน
    มีอาการถ่ายเป็นเลือดนานเกิน 1 สัปดาห์ หรือเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย
    มีประวัติกินยาต้านเกล็ดเลือด (เช่น แอสไพริน โคลพิโดเกรล ) หรือสารกันเลือดเป็นลิ่ม (เช่น วาร์ฟาริน)
    มีความวิตกกังวล
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปใช้ที่บ้าน ถ้าใช้ยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ หน้ามืด หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

การป้องกันไม่ให้เกิดโรคนี้ หรือช่วยป้องกันไม่ให้โรคกำเริบ ควรระวังอย่าให้ท้องผูก และลดพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดอาการ ดังนี้

    ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ลดน้ำหนักถ้าอ้วนหรือน้ำหนักเกิน
    กินอาหารที่มีกากใยมาก (เช่น ผัก ผลไม้ ข้าวกล้อง ธัญพืช) กรณีที่กินอาหารประเภทนี้ไม่มากพอ ให้กินสารเพิ่มกากใยเสริม 
    ดื่มน้ำมาก ๆ วันละประมาณ 8-12 แก้ว (2-3 ลิตร) 
    ออกกำลังกายเป็นประจำ 
    ถ่ายอุจจาระเป็นเวลาทุกวัน และอย่าอั้นถ่ายเวลามีอาการปวดถ่ายอุจจาระ
    เวลาถ่ายอุจจาระอย่านั่งนาน (เช่น นั่งอ่านหนังสือ เล่นโทรศัพท์มือถือ) และไม่เบ่งแรง
    หลีกเลี่ยงการนั่งนาน ๆ และไม่ยกของหนัก

ข้อแนะนำ

1. อาการถ่ายเป็นเลือดแม้ว่าส่วนใหญ่จะเกิดจากแผลปริที่ขอบทวารหนักและริดสีดวงทวาร และสามารถให้การดูแลรักษาตนเองตามคำแนะนำของแพทย์ได้ แต่ก็อาจเกิดจากสาเหตุอื่นที่ร้ายแรงได้ เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (inflammatory bowel disease) ดังนั้น ถ้ามีอาการผิดแปลกไปจากอาการริดสีดวงที่เคยเป็น หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมกับอาการถ่ายเป็นเลือด (เช่น มีเลือดออกมากหรือเรื้อรัง มีอาการอ่อนเพลีย ท้องเดินเรื้อรัง หรือน้ำหนักลด) หรือพบในคนอายุมากกว่า 40 ปี หรือมีประวัติโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ในครอบครัว ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุให้ชัดเจน

2. ผู้ที่มีอาการถ่ายเป็นเลือดจากริดสีดวงทวาร ซึ่งมีอาการเล็กน้อย และมีอาการเป็นครั้งคราว อาจคิดว่าไม่เป็นอะไรมาก และอาจมีความอายที่จะไปพบแพทย์ จะลองรักษาตนเอง หรือปล่อยปละละเลย จะไปพบแพทย์ต่อเมื่อเกิดภาวะซีดจากการเสียเลือดเรื้อรัง หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา หรือพบว่าเป็นโรคร้ายแรงอื่น ๆ ซึ่งมักมีความยุ่งยากในการรักษา ดังนั้นควรแนะนำให้คนทั่วไปมีความตระหนักรู้ในเรื่องอาการถ่ายเป็นเลือด และการดูแลรักษาที่ถูกต้อง

3. ผู้ที่มีประวัติกินยาต้านเกล็ดเลือด (เช่น แอสไพริน โคลพิโดเกรล) หรือสารกันเลือดเป็นลิ่ม (เช่น วาร์ฟาริน) ซึ่งใช้รักษาและป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด หากมีอาการถ่ายเป็นเลือด อาจมีเลือดออกรุนแรงได้ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อปรับยาให้เหมาะสม

14
สินเชื่อเงินสดดอกเบี้ยต่ำ ไม่กด ไม่เสียดอกเบี้ย มีจริงหรือ?

ต้องบอกว่าคนที่ต้องการเงินด่วน ก็ต้องเลือกสินเชื่อเงินสดดอกเบี้ยต่ำในรูปแบบของบัตรกดเงินสดกันใช่มั้ยล่ะคะ เพราะค่อนข้างอนุมัติง่าย เพราะมีวงเงินพร้อมใช้ให้เลย แถมยังกดเงินสดได้ที่ตู้ ATM ทุกแห่ง แต่หลายคนอาจมีคำถามว่า หากเราได้บัตรกดเงินสดนี้มาแล้ว แต่ยังไม่ได้กดใช้ แค่มีไว้เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน จะต้องจ่ายต้องเบี้ยตั้งแต่วันแรกที่ได้บัตรมาเลยหรือเปล่า ต้องจ่ายทั้งๆ ที่ไม่ได้กดใช้จริงหรือ จริง...ไม่จริง...? วันนี้พาไปทำความเข้าใจกันค่ะ

สินเชื่อเงินสดดอกเบี้ยต่ำ
✅ บัตรกดเงินสด คืออะไร
สินเชื่อในรูปแบบบัตรที่มีวงเงินภายในบัตร ซึ่งสามารถนำบัตรไปกดเงินสดผ่านตู้ ATM ตามวงเงินที่ได้รับอนุมัติในบัตรนั้นได้เลย โดยทั่วไปจะอนุมัติวงเงินสูงสุด 5 เท่าของรายได้
 
✅ อัตราดอกเบี้ย/การผ่อนชำระ ของบัตรกดเงินสด
บัตรกดเงินสดจะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าสินเชื่อประเภทอื่นนะคะ แต่ไม่เกิน 25% ต่อปี คิดอดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก และอัตราดอกเบี้ยก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบันการเงินอีกด้วย
 
✅ บัตรกดเงินสด ถ้าไม่กดเงิน ก็ไม่เสียดอกเบี้ยจริงหรือ
ข้อนี้ต้องตอบว่า "จริง" หากไม่กดเงินสดออกมาจากบัตรกดเงินสด หนี้ของคุณก็จะไม่เกิด ไม่มีดอกเบี้ย และไม่มีค่าธรรมเนียมใดๆ ทั้งสิ้น จึงเหมาะมากๆ เลยนะคะ สำหรับเอาไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น
 
✅ บัตรกดเงินสดเหมาะกับใคร
บัตรกดเงินสดเหมาะกับคนที่ต้องการมีเงินสำรองไว้เผื่อฉุกเฉิน เพราะสามารถกดเงินผ่านตู้ ATM ที่ร่วมรายการได้ 24 ชั่วโมง
 
✅ คุณสมบัติผู้สมัครบัตรกดเงินสด
มีรายได้ประจำ
สัญชาติไทย
อายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์
รายได้ขั้นต่ำ 12,000 บาท/เดือน ขึ้นไป
มีอายุงานในสถานที่ทำงานปัจจุบันอย่างน้อย 4 เดือน กรณีเป็นเจ้าของกิจการหรือประกอบธุรกิจส่วนตัว รายได้ขั้นต่ำ 30,000 บาท/เดือน

เป็นเจ้าของกิจการหรือผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัวที่มีอายุกิจการตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป และมีรายได้ขั้นต่ำ 30,000 บาทต่อเดือน
มีโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้สะดวก ที่บ้านหรือที่ทำงาน

ก็ต้องบอกว่าบัตรกดเงินสดอาจไม่ใช่สินเชื่อเงินสดดอกเบี้ยต่ำนะคะ และอาจสูงกว่าสินเชื่ออื่นๆ ด้วย แต่ว่าก็ตอบโจทย์คนที่ต้องการเงินด่วนเงินฉุกเฉินจริงๆ เพราะใช้ง่าย สะดวก และข้อดีที่เห็นได้ชัดเลยก็คือหากเราไม่กดเงินออกมา ก็ไม่เสียดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมใดๆ ทั้งสิ้น

15
โรคไต ตัวร้ายที่ไม่ได้มากับความเค็มเพียงอย่างเดียว

“กินเค็มระวังเป็นโรคไต” ประโยคนี้หลายคนมักใช้เตือนคนที่ชอบรับประทานอาหารรสเค็ม แต่โรคไตไม่ได้เข้าโจมตีแต่ผู้ที่ทานรสเค็มเพียงอย่างเดียวเสียแล้ว เพราะโรคนี้สามารถเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ที่มาจากการใช้ชีวิตประจำวันของเราเองซึ่งส่งผลให้เราเป็นโรคร้ายนี้ได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเรามาทำความรู้จักโรคนี้กันให้มากขึ้นดีกว่า

 
ทำความรู้จักโรคไต

อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าไตมีหน้าที่กำจัดของเสีย ควบคุมความเป็นกรด-ด่างในกระแสเลือด ควบคุมความสมดุลของเกลือแร่ และควบคุมปริมาณน้ำในร่างกายอีกด้วย ดังนั้นเมื่อไตทำงานผิดปกติ หรือทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จะทำให้เกิดภาวะเลือดจางและขาดวิตามินได้ โดยโรคร้ายนี้มีอยู่หลายชนิด และที่พบได้บ่อย ได้แก่ กรวยไตอักเสบ ไตอักเสบ นิ่วในไต ไตเรื้อรัง และไตวาย

 
โรคไต ชื่อคุ้นหูแต่สาเหตุไม่คุ้นตา

โรคนี้อาจมีความเข้าใจผิด ๆ ว่าเลี่ยงทานเค็มเท่ากับเลี่ยงโรคไต ทั้งนี้ในความเป็นจริงแล้วยังมีสาเหตุต่าง ๆ อีกมากมาย โดยสาเหตุของการเกิดโรคนี้ ได้แก่

    จากพันธุกรรม โดยอาจเป็นมาตั้งแต่กำเนิดหรือค่อย ๆ แสดงอาการในภายหลังก็ได้
    เกิดจากโรคอื่นที่มีผลกระทบกับไต เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน เป็นต้น
    การทานอาหารรสจัดไม่ใช่เพียงแค่รสเค็ม รวมไปถึงหวานจัด หรือเผ็ดจัดด้วยเช่นกัน
    ดื่มน้ำน้อยเกินไป
    ไม่ออกกำลังกาย
    มีความเครียด

 
โซเดียมสูงเสี่ยงไต

โซเดียม คือเกลือแร่ชนิดหนึ่งที่มีเป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย แต่หากรับประทานเข้าไปในปริมาณมากอาจจะทำให้เป็นสาเหตุของการเกิดโรคไต เพราะปริมาณโซเดียมที่มากจะทำให้ไตไม่สามารถขับโซเดียมออกไปได้จนเกิดการสะสมไว้ในเลือด เมื่อมีโซเดียมมากไตก็จะยิ่งทำงานหนักผลที่ตามมาคือ ในหน่วยไตจะเกิดความดันสูงขึ้นจนเกิดการรั่วของโปรตีนในปัสสาวะและนำพาไปสู่ภาวะไตเสื่อมในที่สุด พูดมาถึงจุดนี้หลายคนอาจจะพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโซเดียมสูงจำพวกน้ำปลา และเกลือ แต่ในความเป็นจริงแล้วโซเดียมยังอยู่ในอาหารอีกหลายรูปแบบ ได้แก่

    เครื่องปรุงรส เช่น ซอสพริก ซอสมะเขือเทศ น้ำจิ้มสุกี้
    อาหารแปรรูป เช่น เบคอน แฮม ผักกาดดอง ผลไม้กระป๋อง และไข่เค็ม
    อาหารกึ่งสำเร็จรูป

 
อาการของโรคไต

เนื่องจากไตเป็นอวัยวะที่ไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองให้กลับมาสมบูรณ์ได้ การเกิดความผิดปกติกับไตจึงเป็นเรื่องอันตราย โดยในช่วงแรกผู้ป่วยโรคไตแทบจะไม่มีสัญญาณของโรคร้ายนี้เลย แต่อาการจะปรากฏออกมาในระยะท้าย ๆ ที่ไตได้รับความเสียหายไปมากแล้ว จนในระดับสูงสุดอาจเกิดอาการไตวาย และเสียชีวิตได้ อาการของผู้ป่วยโรคไตที่ปรากฏมีดังนี้

    อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
    ปัสสาวะผิดปกติ เช่น มีกลิ่นผิดปกติ มีสีผิดปกติ เป็นต้น
    ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน
    มีอาการเบื่ออาหาร
    ตัวบวมเนื่องจากมีน้ำและเกลือในร่างกายปริมาณมาก
    ปวดหลัง ปวดบั้นเอว


ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไต

    มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดัน โรคเกาต์ เป็นต้น
    มีมวลไตลดลง
    มีความดันโลหิตสูง
    คนในครอบครัวมีประวัติการเป็นโรคไต
    อายุมากกว่า 60 ปี

 
การรักษาโรคไต

    รักษาตามอาการ เช่น การรับประทานยา และควบคุมความดันโลหิตให้เหมาะสม ลดพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงยาบางประเภท
    รักษาด้วยวิธีการบำบัดทดแทนไต ใช้รักษาผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังเพื่อช่วยขจัดของเสียทดแทนไตที่เสียไป สามารถทำได้ 3 วิธี ดังนี้

                - การฟอกเลือด เพื่อทำให้เลือดสะอาดโดยใช้ระยะเวลา 4-5 ชั่วโมง 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์

                - การฟอกไตผ่านทางช่องท้อง อาศัยช่องท้องในการฟอกเลือด โดยจะฟอกวันละ 4 รอบ

                - การปลูกถ่ายไต โดยการนำไตจากผู้บริจาคใส่เชิงกรานของผู้รับไต


การจัดการโภชนาการอาหารในแต่ละวันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อร่างกายที่แข็งแรง ปราศจากโรคภัยมาเบียดเบียน และสิ่งที่สำคัญไม่แพ้การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ คือการตรวจสุขภาพไตอย่างสม่ำเสมอเพื่อรู้เท่าทันโรคไตที่อาจเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัวนั่นเอง

หน้า: [1] 2 3 ... 39